fbpx
BlogEddie BlogNewsTREND

โลกไอดอล : ความลับที่แฟนคลับไม่รู้ แต่พวกเค้ารู้

หลายๆครั้งที่เราเกิดความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องต่างๆของไอดอล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข่าวการเดต ข่าวลือต่างๆ ว่าทีมงานที่ใกล้ชิดกับศิลปิน เค้ารู้เรื่องนี้ไหม แล้วจากมุมมองของทีมงานที่ดูแลศิลปิน จริงๆแล้วในโลกของไอดอลมันเป็นยังไง

ทีมงานของ TV Report ได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับทีมงานที่รับผิดชอบการโปรโมตของศิลปิน ประสบการณ์ทำงาน 5-10 ปีโดยการถามคำถามต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโลกของไอดอลที่ไม่ได้เปิดเผยสู่สาธารณะ

Q: ทำงานใกล้ชิดกับศิลปินแบบนี้คงจะมีคำขอจากเพื่อนหรือคนใกล้ตัวที่เกี่ยวกับศิลปินที่ทำงานให้อยู่บ่อยๆใช่ไหม

A: ส่วนใหญ่พวกการขอลายเซ็นไม่ค่อยมีปัญหา เราสามารถขอให้ได้อยู่แล้ว แต่อย่างการขอทานข้าวด้วยแบบนี้เราทำให้ไม่ได้ การขอลายเซ็นดาราที่เราทำงานให้มันไม่มีปัญหา แต่ถ้าขอศิลปินคนอื่นจากค่ายใหญ่ๆอย่าง SM หรือ JYP มันก็ค่อนข้างเขินอยู่เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะไม่ขอให้ ยกเว้นว่าจะสนิทกับดาราคนนั้นจริงๆ

aespa เจอมิชชันกลางแจ้ง! วัดสกิลวาไรตี้กับ Knowing Brothes ดูได้ที่ Viu ▶ คลิก

B: จริงๆแล้วถึงเราจะทำงานร่วมกัน แต่ความสัมพันธ์เราคือเพื่อนร่วมงาน การมาถามว่าดาราคนนั้นคนนี้เป็นยังไง แล้วให้เราตอบมันก็เหมือนกับการไม่เป็นมืออาชีพ

Q: แล้วเวลามีคนขอพวกซีดีพร้อมลายเซ็นละ

A: เป็นคำขอที่เจอประจำ โดยเฉพาะจากคนใกล้ตัว มันก็เหมือนกับการขอให้ลุงที่ทำงานในบริษัททำทีวี เอาทีวี มาให้นั่นแหละ CD ก็เป็นทรัพย์สินของบริษัท เช่นเดียวกับตั๋วคอนเสิร์ทต่างๆ

Q: เวลามีข่าวลือ คนส่วนใหญ่คิดว่าคนในบริษัทจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว จริงไหม

A: เอาจริงๆเลยนะ เรารู้อยู่แล้ว ถึงสมาชิกวงจะไม่ได้เป็นคนบอก แต่เราก็ต้องคอยอัพเดทเรื่องพวกนี้กับ CEO ซึ่งมันมีหลายเรื่องมากที่เราต้องรู้

B: แต่ละค่ายก็ต่างกันออกไป รวมถึงความสำคัญของพนักงานแต่ละตำแหน่ง ยิ่งบริษัทเล็กเท่าไหร่ คุณยิ่งใกล้ชิดกับดารา

C: แต่ก่อนเคยคิดว่าตัวเองรู้ทุกเรื่องของเด็กที่เราดูแลอยู่ แต่พอเค้ายิ่งโตขึ้น เค้ายิ่งมีความลับมากขึ้น เค้าจะบอกเฉพาะเรื่องที่อยากบอก กำแพงระหว่างเราก็จะหนาขึ้น เรามีหน้าที่ไว้ใจเด็กที่เราดูแล แต่เราไม่มีทางรู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างจนกว่าเค้าจะเป็นคนบอกเราเอง

Q: ศิลปินส่วนใหญ่ตรงไปตรงมาไหม

A: ถ้าเป็นเรื่องสำคัญที่อาจจะทำให้เกิดปัญหา เค้าจะบอกกับเราก่อน เพราะถ้ามันยังไม่เกิดเรื่องขึ้น เราจะสามารถควบคุมมันได้ บางครั้งมีข่าวลือมั่วๆเกิดขึ้น เราก็เอามาคุยกันแล้วก็ขำกัน แล้วก็ช่วยกันคิดดูว่าข่าวลือพวกนี้มันเกิดเพราะสาเหตุอะไร

Q: เคยมีข่าวลือไหนไหมที่เกิดขึ้นแล้วตรงกับความจริง

A: บางข่าวลือมันก็เป็นเรื่องจริง ข่าวลือส่วนใหญ่จะมีความจริงอยู่ในนั้นบวกกับเรื่องมโนที่เสริมเข้าไป ยังไม่มีข่าวลือไหนเลยที่เป็นความจริงทั้งหมด 100% เด็กๆของเรามักจะถามว่า “เค้ารู้กันได้ยังไง ใครเป็นคนบอกพวกเค้า” แล้วเราก็นั่งขำกัน

Q: เดี๋ยวนี้กลายเป็นเทรนด์การยืนยันความสัมพันธ์ของไอดอลจากข่าวลือไปแล้ว

A: เราไม่ค่อยอยากให้เปิดเผยเรื่องนี้กับสาธารณะเท่าไหร่ โดยเฉพาะดาราผู้หญิง ยกเว้นว่าสถานการณ์นั้นมันจะปฏิเสธไม่ได้จริงๆ เราพยายามที่จะไม่ให้พวกเค้าเปิดเผยสู่สาธารณะ เรามักจะบอกว่ามันดีกว่าสำหรับชีวิตการเป็นดารา สังคมเดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไป ข่าวลือเกี่ยวกับการเดทมักจะส่งผลด้านลบต่อดาราผู้หญิง สำหรับเด็กที่เราดูแลอยู่มักจะปฏิเสธเสมอ เพราะเสียงวิจารณ์มักจะเป็นแบบ “ทำไมถึงไปเดตกับคนแบบนั้น”

B: สำหรับไอดอลแล้ว จริงๆเราไม่ได้ห้ามเรื่องเดท ตราบใดที่เค้าไม่ได้ทำอะไรที่แย่แล้วถูกจับได้ มันก็ดูโหดร้ายไปถ้าจะห้ามไม่ให้เค้าเดต ส่วนรุกกี้ที่เพิ่งเดบิวต์ เราจะยินดีมากถ้าเค้าไม่ยุ่งกับเรื่องเดต เพราะการมีสมาธิกับตารางงานในช่วงเดบิวต์สำคัญมาก เด็กส่วนใหญ่จะเข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะเค้าเห็นตัวอย่างแล้วว่าคนที่ให้ความสำคัญกับการเดต สุดท้ายแล้วหน้าที่การงานเค้าเป็นยังไง แต่ทีมโปรโมตอย่างเราไม่ได้อยู่กับเค้า 24 ชม. ผู้จัดการเค้าจะรู้เรื่องพวกนี้ดีกว่า

Q: เวลาที่ไอดอลเดท เราจะเห็นชัดเจนไหมว่าเค้าเดท

A: พวกเค้าจะใช้เวลาอยู่กับโทรศัพท์นานๆ ไม่ก็ชอบออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกคนเดียว เด็กเดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่จะเล่น Kakao Talk แล้วพอมีสายเข้ามาก็จะกดสายทิ้งเวลามีทีมงานอยู่ในห้อง จริงๆไอดอลก็เหมือนคนทั่วไปเวลาที่เค้าเดต เพราะปกติเราเองก็ไม่ได้พูดจาเปิดเผยเวลาทำงานอยู่แล้ว

B: ถ้าวันไหนที่เค้าบอกว่าเค้าซื้อรถแล้ว นั่นเป็นสัญญานหนึ่งที่บอกว่าเค้ากำลังเดต แล้วก็จะเริ่มบ่นเรื่องการใช้ชีวิตในหอ เพราะเค้าอยากจะใช้ชีวิตคนเดียว และเดตอย่างอิสระ

Q: เค้าปฏิเสธไหมเวลาถูกจับได้ว่ากำลังเดท

A: ส่วนใหญ่ก็จะปฏิเสธกัน แต่บางทีก็คบกันจนเลิกกันแล้วเราถึงรู้ หรือบางคนก็งงในความสัมพันธ์ว่ากำลังเดตกันอยู่ไหม บางคนก็แค่เพื่อนสนิทที่ไปเที่ยวกันบ่อยๆในกลุ่มเพื่อน

Q: ไอดอลเลิกกันเร็วไหม

A: เด็กเดี๋ยวนี้ฉลาดในเรื่องการเดต เราเชื่อว่าเค้าจะตัดสินใจทางเลือกที่จะทำให้เค้าก้าวต่อไปได้ง่ายในอนาคต

Q: แล้วเรื่องการเดตในค่ายเดียวกันละ

A: มันอันตรายเกินไป แต่มันก็เกิดขึ้นได้ แล้วประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องที่เราจะเข้าไปยุ่งหรือจัดการได้ง่ายๆ

Q: แต่การเดตในค่ายน่าจะดีกว่าไม่ใช่เหรอ ในเรื่องของการดูแล

A: ก็มีบางค่ายที่เห็นด้วยกับการเดตในค่าย เพราะคิดว่าสามารถควบคุมได้ดีกว่า แล้วเราไม่มีทางรู้ได้ว่าถ้าเป็นเด็กที่อื่นเราจะควบคุมได้ยังไง หรือบางค่ายก็โอเคที่จะให้เด็กเดตกับดาราที่เป็นที่รู้จัก แต่เหนือสิ่งอื่นใด ค่ายจะรู้จักเด็กของตัวเองดีที่สุด

Q: แล้วไอดอลส่วนใหญ่มาเดตกันได้ยังไง เพราะว่ามันไม่น่าจะมีโอกาสได้เดตกันง่ายๆ

A: พวกเค้ายังเด็ก ทั้งเกิร์ลกรุ๊ป แล้วก็บอยแบนด์ มีโอกาสได้เจอกันตามกิจกรรมโปรโมต อย่างเวลาที่มีเกิร์ลกรุ๊ปเดบิวท์ สมาชิกบอยแบนด์ก็มักคุยกันว่า “คนนั้นสวยที่สุดในวง คนนั้นน่ารัก” แล้วพวกสไตลิสต์ก็จะชอบทำตัวเป็นคนกลางคอยมาบอกว่า “คนนั้นเค้าชอบเธอ ดูเธอตอนซ้อมตลอดเลย” เดี๋ยวนี้ถึงไม่มีโทรศัพท์ ก็ยังมี iPad ที่ลง Kakao Talk ไว้คุยได้

B: เวลาไปรายการอย่าง Music Bank มันจะมีช่วงเวลาที่แต่ละวงมาแลก CD กัน บางทีก็จะมีกระดาษโน็ตเล็กๆเขียนใส่มาด้วย มีครั้งนึง ไอดอลเอากระดาษแผ่นนั้นมาเปิดเผยที่ค่ายจนกลายเป็นเรื่องเล่าเฮฮาของค่ายไป

 

Q: เคยมีไอดอลคนไหนไหม ที่คุณคิดว่าเค้าควรจะดังกว่านี้

A: เจอเด็กคนนึงชื่อ E อยู่ในวงเกิร์ลกรุ๊ป D สมัยตอนเธออยู่ชั้นประถม เธอบอกว่าเธอฝันอยากเป็นดารา เธอสามารถเป็นดาราได้ เธอไม่ใช่คนที่สวยกว่าคนอื่น แต่เธอเป็นที่มีความสามารถ เธอถูกตำหนิเรื่องหน้าตาอยู่บ่อยๆ แต่ตอนนี้เธอก็กำลังไปได้สวย เธอยังเด็กและมีความสามารถ เราหวังอยากให้เด็กแบบนี้ได้พบกับเส้นทางที่ดีงาม

B: วง F เป็นวงที่รักการร้องเพลง และเล่นดนตรีดีมาก เค้าไม่หล่อนะ แต่มีเอกลักษณ์แล้วก็มีความพยายาม น่าเสียดายที่ไม่มีคนสนใจพวกเค้า ได้ดูเค้าแสดง 3 ครั้ง แต่บัตรเค้าขายไม่ค่อยได้ มีผู้ชมที่ได้ฟังเค้าร้องเพลงครั้งแรก แค่ท่อนเดียว คนดูคนนั้นเค้าก็ร้อง ว้าว แล้ว

C: วง G พวกเค้าเป็นเด็กที่เก่ง แล้วก็น่ารัก เค้านิสัยดีกันมากๆจนบางที่ก็สงสารพวกเค้าที่ต้องเจอกับวงการที่โหดร้ายแบบนี้ น่าเสียดายที่เกิดเรื่องกับสมาชิกคนนึง จนสุดท้ายเค้าก็ทะเลาะกันในวง

Q: ซาแซงแฟน ที่แย่ที่สุดที่เคยเจอเป็นยังไง

A: ก็แล้วแต่ค่ายนะ บางค่ายก็ซีเรียสกับเรื่องนี้ ส่วนค่ายที่ไม่สนใจ จนทำให้เกิดผลกระทบกับแฟนคนอื่นๆจนเค้าโกรธ สุดท้ายเค้าก็มาว่าเราว่าทำไมไม่จัดการอปป้าที่คอยตามพวกเธอ

B: แฟนๆที่เป็นอาจุมม่าก็ไม่เบา จะคอยสนับสนุนเรื่องการเงินตลอด มีแบบโทรไปที่ค่ายแล้วถามว่าที่หอเด็กๆต้องการอะไรไหม จะติดแอร์ให้ อะไรแบบนี้ ของขวัญจากอาจุมม่าจะไม่ใช่ขนม แต่จะเป็นพวกนาฬิกา ของแพงๆแบบนั้น ตอนที่ดูแลวง J มีแฟนดอมอาจุมม่ารวมตัวกันเลย แล้วเป็นกลุ่มแฟนที่สำคัญและมีพลังมาก ชอบให้โสม ยาสมุนไพร วิตามินเป็นของขวัญประจำ

C: ครั้งนึงเคยมีคนแอบเข้าห้องพักโรงแรมของวงเกิร์ลกรุ๊ป K ด้วย ที่เรารู้เพราะว่ากลับมาแล้วห้องน้ำเปียก ทั้งๆที่ยังไม่ได้มีใครใช้ห้องน้ำเลย แล้วก็มีรอยเท้าบนที่นอน เด็กๆตกใจกันมาก จนต้องมานอนรวมกันทุกคนในห้องเดียว แล้วก็มีครั้งนึงมีคนพยายามตีสนิทครอบครัวของพวกเธอ เพื่อจะเข้าหาไอดอล แฟนแบบนี้ค่อนข้างอันตราย เพราะอาจจะเป็นจุดเริ่มของข่าวเสียๆหายๆถ้าเกิดพวกนี้ไม่พอใจ ไอดอลส่วนใหญ่จะทำใจกับคนพวกนี้ เพราะไม่สามารถจัดการอะไรได้

Q: แฟนส่วนใหญ่คิดว่าสมาชิกในวงสนิทกัน

A: บางทีก็ไม่เป็นแบบนั้น มันก็มีเรื่องที่ไม่ลงรอยกันในวง การขึ้นไปยืนบนเวทีมักตามมาด้วยความตึงเครียดต่างๆ มีปัญหาอย่างเรื่อง “ชุดใครสวยสุด ทำไมคนนั้นได้ร้องท่อนนี้”

B: มีเกิร์ลกรุ๊ปวง 6 คน ตอนแรกเราวางแผนให้สมาชิก 2 คน ใส่เสื้อขนสัตว์ เพื่อให้เวทีออกมาดูเต็ม แต่ทุกคนในวงก็อยากใส่ชุดสวยที่สุด สุดท้ายเลยให้ใส่เสื้อขนสัตว์ 4 คน จนเวทีมันดูแน่น ไม่มีใครยอมกัน บางทีก็บอกว่า “ฉันจะใส่ตัวนี้ ให้เธอถอดออกมาสิ”

Q: แล้วปัญหาเรื่องส่วนแบ่งรายได้ละ

A: เรื่องส่วนแบ่งนี่เป็นปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะวงที่มีใครคนใดคนหนึ่งหาเงินได้มากกว่า มีสมาชิก M จากวง L แก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยการเปิดเผยทุกอย่างกับสมาชิกในวง แต่แบบนี้มันหายาก วงส่วนใหญ่จะให้เรื่องนี้เป็นภาระของค่ายในการจัดการ แล้วก็ไม่ยอมรับงานง่ายๆจนกว่าจะได้รายได้ที่พอใจ

Q: ข่าวที่แย่ที่สุดที่ต้องรับมือคืออะไร

A: เวลาเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ส่วนข่าวของนักร้อง คงเป็นเรื่องของการลอกเลียนเพลง เวลาแถลงข่าวทุกคำพูดจะต้องคิดกันอย่างละเอียดเลย และการเช็คกับคนแต่งเพลงว่าปัญหามันเกิดขึ้นจากตรงไหน เรื่องลอกเลียนเพลงคงเป็นเรื่องที่กังวลมากที่สุด เพราะถ้าภาพลักษณ์กลายเป็นนักร้องที่ลอกงานคนอื่นแล้ว มันไม่สามารถกู้กลับมาได้ง่าย

B : เวลาเกิดปัญหาแล้วเรื่องมันไปถึงมือตำรวจเราจะไม่สามารถควบคุมมันได้เลย ทุกเรื่องจะเป็นปัญหาน้อยมากถ้าเราสามารถจัดการได้เรียบร้อยก่อนที่จะกลายเป็นเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล แต่บางกรณีฉุกเฉินจริงที่เราไม่สามารถติดต่อใครได้ มันก็ทำให้เรื่องอยู่เหนือการควบคุมของเราเหมือนกัน

 

Q: มาตรฐานในการเดบิวต์วงเป็นยังไง เพราะมันคือการลงทุน คุณรู้ได้ยังไงว่าพวกเค้าคือตัวเลือกที่ดีที่สุด

A: นอกจากเด็กฝึกหัดที่ดีที่สุด เก่งที่สุดแล้ว เรื่องสำคัญคือพวกเค้าจะต้องทำงานร่วมกันได้ดี เราดูจากเคมีของแต่ละคน เราเน้นภาพลักษณ์รวมของวงมากกว่าของบุคคล มันไม่จำเป็นที่ทุกคนต้องหน้าตาดีหมด ความลงตัวของสมาชิกวงคือความสำคัญอันดับแรก

B: ในสมัยนี้สมาชิกวงไอดอลต้องอายุน้อย การที่จะเลือกคนมีความสามารถแต่อายุเยอะแล้วมาเป็นสมาชิกมันค่อนข้างยากในการโปรโมตระยะยาว

Q: ขอบเขตอายุของสมาชิกอยู่ที่เท่าไหร่

A: เดี๋ยวนี้แต่ละค่ายลดอายุลงไปเรื่อยๆ อายุเกิน 20 จะเริ่มยากแล้ว ที่จะโดนตัดเลยจริงๆคืออายุเกิน 23-24 ยิ่งเป็นเกิร์ลกรุ๊ป ยิ่งต้องอายุน้อย บางค่าย เลือกแต่เด็กอายุไม่ถึง 20 เค้าอยากเดบิวต์วงที่สมาชิกยังเรียนมัธยมอยู่ การคัดเลือกเด็กฝึกหัดบางครั้งก็พยายามคัดกันตั้งแต่ยังเรียนชั้นประถม

B: สำหรับค่ายเราวงเกิร์ลกรุ๊ปจะตัดตั้งแต่อายุ 22-23 ปี 21 ปี ถือว่าแก่สุดแล้ว เด็กเดี๋ยวนี้เริ่มฝึกกันตั้งแต่เด็กๆทำให้เราสามารถเลือกได้ แต่ก็มีไม่บ่อยหรอกที่เราให้เด็กฝึกหัดออกจากค่ายเพราะว่าอายุมากเกินไป

C: สำหรับทีมฉันไม่มีปัญหาเรื่องอายุนะ ตราบใดที่มีความสามารถ แต่ไอดอลจำเป็นที่จะต้องอดทนในเส้นทางนี้ เกิร์ลกรุ๊ปจะถึงช่วงเปิดกว้างของอาชีพในอายุประมาณ 23-24 ปี จริงๆแล้วคนทั่วไปจะรับรู้ต่อช่วงอายุของไอดอล ต่างจากทีมงานแบบเรา

Q: แล้วเรื่องหน้าตาสำคัญไหม

A: แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่เราพิจารณา แต่เดี๋ยวนี้แค่เรื่องหน้าตาไม่พอ มันสำคัญว่าคุณจะทำให้แฟนๆรักได้ไหม ให้การสนับสนุนคุณไหม คุณอาจไม่จำเป็นต้องหน้าตาดี แต่คุณต้องมีดีให้คนรักและชื่นชอบได้ เพราะคนที่หน้าตาดีแต่ผลตอบรับเต็มไปด้วยด้านลบมันก็มีให้เราเห็นกันอยู่

Q: แล้วเด็กฝึกหัดที่คุณเห็นว่าไม่มีหวังที่จะได้เดบิวต์ละ

A: มีแบบนี้เยอะมาก มันทำให้รู้สึกไม่ดีเวลาที่เห็นใครบางคนยึดติดกับสิ่งที่คุณคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ บางทีเลยต้องทำตัวเย็นชาโดยตั้งใจบอกเพื่อให้เค้ารู้สึก ควรให้เค้ารู้ตัว ดีกว่าให้ความหวังที่เป็นไปไม่ได้กับเค้า ซึ่งเมื่อปล่อยให้เวลานานขึ้นเมื่อเค้ารู็ตัวว่าล้มเหลวมันจะยิ่งเจ็บปวด

Q: เรื่องการเกณฑ์ทหารเป็นปัญหาของวงผู้ชาย บางคนต้องเข้ากรมในจุดสูงสุดของชื่อเสียง

A: เอาจริงๆเลยคือไม่มีใครอยากเข้ากรมนะ ส่วนใหญ่จะพยายามยืดกำหนดออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไอดอลชายอายุเกิน 20 ปี นี่จะเป็นเรื่องใหญ่ที่เค้าคิดเลย เดบิวต์ยังไม่ทันที่จะดัง ยิ่งไอดอลที่เดบิวต์ตอนอายุ 24-25 แล้ว ยิ่งเป็นปัญหาใหญ่

B: แต่เดี๋ยวนี้เดบิวต์กันตอนอายุน้อย เรื่องเข้ากรมเลยเหมือนเป็นอนาคตที่ไกลขึ้น ไม่เหมือนที่แต่ก่อนเด็กเดบิวต์กันหลังอายุ 20 ปี เดี๋ยวนี้อย่างน้อยก็มีเวลาคิดเรื่องเข้ากรมกันเป็น 10 ปี ซึ่งปัจจุบันวงไอดอลเซ็นสัญญากันมากสุดก็แค่ 7 ปี กว่าจะต้องเข้ากรมเค้าอาจจะออกจากค่ายไปแล้วก็ได้ หน้าที่ของค่ายก็คือดูแลเรื่องการผ่อนผันให้ทันตามกำหนด เพื่่อไม่ให้ศิลปินต้องเข้ากรมในช่วงที่กำลังมีชื่อเสียงสูงสุด ซึ่งมันจะเป็นผลเสียกับบริษัทด้วย

Q: ทำไมดาราถึงเข้าเรียนมหาลัย ทั้งๆที่ไม่มีเวลาเข้าเรียน

A: มันเป็นเทรนด์ของยุคนี้ที่จะต้องจบมหาลัย อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเข้าเรียนคลาสแบบออนไลน์ในช่วงที่ไม่มีเวลา

B: มันก็แล้วแต่กรณี ดาราบางคนก็ตั้งใจเรียนแบบนักเรียนทั่วไป แต่บางคนก็เข้าห้องเฉพาะเวลามีกิจกรรมพิเศษ

Q: สิ่งที่น่าปวดหัวที่สุดในการทำงานเป็นทีมโปรโมตคืออะไร

A: คือเวลาที่ค่ายไม่ยอมให้อำนาจกับเรามากพอที่เราจะจัดการอย่างที่เราคิด อย่างเวลาที่เกิดเรื่อง เค้ามักจะโทษเราโดยบอกว่า “ทำไมป้องกันเรื่องนี้ไม่ได้ นั่งอยู่กับนักข่าวทั้งวันแล้วทำไมจัดการไม่ได้”

B: ใช่เลย มันไม่เกี่ยวว่าเราจะสนิทกับนักข่าวแค่ไหน เพราะมันเป็นคนละงานกัน การที่สำนักข่าวนึงไม่เขียน ก็ไม่ได้แปลว่าอีกสำนักข่าวนึงเค้าจะไม่เขียนด้วย

C: จะปวดหัวเวลาที่ค่ายเอาแต่สนใจเรื่องเอากำไรแบบทันทีทันใด มากกว่าเรื่องภาพลักษณ์ระยะยาวของศิลปิน เวลาที่ต้องเลือกรับงานแสดงโดยตัดสินจากเงินที่ได้ แล้วสุดท้ายต้องให้เราตามแก้ไข เพราะงานที่รับมานั้นมันไม่ได้เรื่องทำให้ภาพลักษณ์เสีย

D: เวลาที่ต้องให้เขียนข่าว PR แล้วให้ใส่คำชมพวก “นักร้องสุดยอดพลังเสียง” “ราชาเพลงบัลลาด” ” นักร้องนักแต่งเพลง” ส่วนใหญ่เราจะปล่อยเบลอไป คนส่วนใหญ่มักจะขำเวลาเจอพาดหัวข่าวอะไรแบบนี้

Q: แฟนมักจะตำหนิเรื่องการแต่งตัว ไม่ก็คอนเซปใช่ไหม ว่าทำไมอปป้าถึงแต่งตัวแบบนี้

A: เอาจริงๆเลยนะ กรณีแบบนี้มักเกิดจากอปป้าของพวกเธออยากใส่ชุดแบบนั้นเอง บางคนบอกว่าจะไม่ยอมขึ้นเวทีถ้าไม่ได้แต่งตัวแบบนี้ เพราะเราเองก็คิดว่ามันน่าเกลียดเหมือนกัน

B: มีเด็กบางคนที่เห็นแบรนด์กับพวกลิมิเต็ด แล้วก็ตื่นเต้น ไม่ก็เห็นดาราเมืองนอกเค้าใส่กันแล้วก็อยากใส่บ้าง บางทีก็ไม่ได้นึกว่ามันเหมาะกับตัวเองไหม ถึงแฟนจะบอกให้เราเปลี่ยนชุด แต่พวกเค้าก็ยืนยันที่จะใส่เพราะเค้าสนใจเรื่องแบรนด์มากกว่า

C: ทีมที่จัดการเรื่องชุดศิลปินของแต่ละค่ายก็ทำงานต่างกัน ทั้งเรื่องเวลา เรื่องของเงิน แรงกดดันต่างๆที่เกิดขึ้น บางทีแฟนไม่รู้เรื่องพวกนี้แล้วก็ออกมาตำหนิ มีค่าย E ที่ให้เวลาทีมงานแค่ 2 สัปดาห์ก่อนโปรโมต ที่แย่ไปกว่านั้นคือเร่งเวลาแต่ไม่เร่งการจ่ายเงินด้วย

Q: แล้วเรื่องซาแจกิ การโกงชาร์ตต่างๆละ หลายๆค่ายก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ

A: เราได้รับข้อเสนอมา แต่ว่ามันแพงมาก ยิ่งต้องการอันดับสูงยิ่งแพง เราก็ไม่รู้วิธีการของเค้านะ เพราะเราปฏิเสธไป

B: ใครจะไปยอมรับว่าทำ บางทีมทำกันโดยที่ CEO ไม่รู้ก็มี แค่คนส่วนน้อยในบริษัทที่รู้เรื่องซาแจกิ พวกอันดับดิจิตอลหลายๆครั้งที่น่าสงสัย แต่มันก็ไม่มีหลักฐานอะไร ตอนที่ค่ายเราโปรโมทวง F แล้วอันดับดิจิตอลออกมาไม่ดี เราเลยเข้าใจว่าผลของซาแจกิมันเป็นยังไง

Q: ชาร์ตเดี๋ยวนี้เชื่อไม่ค่อยได้ เพราะเราไม่รู้ว่าอันดับมันจริงแค่ไหน

A: เราก็พูดกันแบบนี้ แต่ถ้าไม่วัดจากชาร์ตแล้วเราจะรู้ผลตอบรับจากแฟนๆได้ยังไง มันไม่มีทางอื่น แต่ปัญหาคือ ความเละเทะที่เกิดขึ้นกับชาร์ตในตอนนี้

B: มันเชื่อชาร์ตทั้งหมดไม่ได้หรอก แต่ยังไงอันดับบนชาร์ตเพลงก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญ ถึงคุณจะไม่ดัง แต่เพลงคุณอันดับ 1 มันก็เปลี่ยนชื่อเสียงของคุณได้ทันทีแน่นอน

Q: คิดยังไงกับเรื่อง SNS

A: มันคือปีศาจตัวจริง ทุกทีมอยากให้ศิลปินใช้แอคเคานต์เพื่อสื่สารแบบเป็นทางการเท่านั้น เพราะว่าปัญหาบางทีก็มาจาก SNS เราก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นช่องทางที่เหมาะสมสำหรับสื่อสารกับแฟน มันวุ่นวาย และง่ายมากที่จะเกิดเรื่อง มันเหมือนเป็นช่องทางไว้เรียกร้องความสนใจมากกว่า

Q: อยากฝากอะไรถึงแฟนๆ

A: เรื่องนี้หลายๆคนไม่เข้าใจ มันเป็นเพราะอปป้าของคุณไม่ได้เป็นกระแส เค้าเลยไม่ได้ไปรายการวาไรตี้ หรือรายการเพลงอื่นๆ ไม่ใช่เพราะค่ายไม่ยอมส่งเค้าไป เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อวงไม่ประสบความสำเร็จค่ายคือคนที่ต้องรับผิดชอบ เราพยายามกันอย่างหนักเพราะว่าเราได้ลงทุนไปกับพวกเค้ามากแล้ว แต่บางครั้งถึงเราจะพยายามหนักแค่ไหน มันก็ไม่สามารถทำให้มันเป็นไปได้อย่างที่ตั้งใจ

B: เป็นเรื่องจริงเลย บ้างครั้งแฟนๆอาจคิดว่าอปป้าของเค้าดังพอแล้ว แต่บางครั้งต่างวงการสถานะของเค้าก็ต่างไป แฟนๆอาจจะโมโหบางครั้งที่พาอปป้าของเค้าไปออกงานเล็กๆ แต่ความเข้าใจเรื่องสถานะและการเป็นที่รู้จักของวงในแต่ละที่มันก็แตกต่างกัน

ฮอตซีรีส์
อ่านต่อ

Eddie Sophon

ผู้ก่อตั้งร่วมของ Hallyu K Star, โฮสต์พอดแคสต์ 'ดูซีรีส์ให้ซีเรียส' ผู้สนใจในวัฒนธรรมป๊อปของเกาหลี ทั้งเพลง-ซีรีส์-ภาพยนตร์ เลยเถิดไปถึงเรื่องสังคม เศรษฐกิจ และอาหารการกิน

บทความเกี่ยวข้อง

Back to top button