fbpx
BlogEddie BlogNewsTREND

KODHIT : ตำนานซีรีส์เกาหลีแปลไทย จากวันแรกถึงเรื่องราวบทใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น

สำหรับแฟนๆในไทยที่ติดตามซีรีส์เกาหลีอยู่คงมีน้อยคนมากที่ไม่รู้จัก KODHIT ที่หลายๆคนยกให้เป็นลมหายใจของแฟนๆซีรีส์เกาหลี ที่ขาดไปแล้วเหมือนขาดใจ

แต่แล้วช่วงปลายปีที่ผ่านมาก็มีเรื่องที่ทำให้คนที่ติดตาม KODHIT อยู่ต้องตกใจ กับการประกาศยุติการแปลซีรีส์เกาหลีด้วยปัญหาทางด้านลิขสิทธิ์ จนกลายเป็นเรื่องราวที่ถูกพูดถึงอย่างมากระดับประเทศอีกหนึ่งเรื่องเมื่อช่วงปลายปี 2016 ที่ผ่านมา

Hallyu K ได้มีโอกาสพูดคุยกับทีมงาน KODHIT แบบเป็นส่วนตัวถึงเรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนกลายเป็นที่มาของการยุติการแปลซีรีส์เกาหลีของ KODHIT ที่ไม่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อไหนมาก่อน และเปิดเผยเรื่องราวเหล่านี้เป็นครั้งแรกกับเรา

ความฮาแบบ BABYMONSTER! วัดสกิลวาไรตี้กับ Knowing Brothes ดูได้ที่ Viu ▶ คลิก

จุดเริ่มต้นของ KODHIT ไม่ได้ทำซับ

“จริงๆแล้วเว็บ KODHIT เริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2008 ตอนแรกตามชื่อเลยตั้งใจจะรวมเรื่องราวที่ฮิตที่เป็นกระแส แล้วตอนที่เริ่มก็เป็นช่วงที่ซีรีส์ฝั่งเอเชียกำลังได้รับความนิยมเราก็เลยทำพวกเรื่องย่อของซีรีย์ รายชื่อนักแสดง ผู้กำกับ ตอนนั้นมีหมดเลยไม่ว่าจะเป็นไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี หรือแม้แต่ละครไทย ซึ่งมาจากความชอบซีรีส์ของเรา ซึ่งเรื่องแรกๆที่เราดูก็เป็นยุคของซีรีส์ไต้หวันเรื่อง Meteor Garden, Mars, The Outsider แล้วซีรีส์เกาหลีก็จะเป็นเรื่อง Autumn in My Heart”

ซีรีส์เรื่องแรกที่เริ่มแปลของ KODHIT

“ซีรีส์เกาหลีเรื่องแรกที่เริ่มทำซับคือเรื่อง Lee Soon Shin is the Best ที่ IU แสดงกับ โจจองซอก ช่วงปี 2013 ความรู้สึกที่ทำตอนนั้นคือแค่อยากทำจริงๆ มันก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาว 50 ตอน แล้วก็เป็นเรื่องที่ออกอากาศช่วงเสาร์-อาทิตย์ด้วย ก็ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจ แต่พอทำแล้วมีคนติดตาม มีคนมาพูดคุยกัน เราก็รู้สึกว่ามีกำลังใจที่จะทำต่อ เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ KODHIT ที่แปลซีรีส์เกาหลีมาตั้งแต่ตอนนั้น”

คิดว่า KODHIT เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากการแปลเรื่องอะไร

“ตอนนั้นที่จู่ๆรู้สึกว่ามีคนเข้ามาติดตามเยอะขึ้นคงเป็นช่วงที่แปลเรื่อง The Heirs ที่ อีมินโฮ แสดงกับ พัคชินฮเย แล้วก็ คิมอูบิน ในปี 2013 ด้วยการที่เราแปลค่อนข้างเร็วก็เลยกลายเป็นว่าช่วงที่ทำเรื่องนี้มีคนมาติดตามเยอะขึ้นมาก ด้วยกระแสของตัวเรื่อง และตัวนักแสดงอย่าง อีมินโฮ ด้วย เลยทำให้คนที่เข้ามาดูเริ่มพูดคุยกันมากขึ้น หลังจากจบเรื่องนี้ก็เป็นเรื่อง You Who Came from the Stars ที่ คิมซูฮยอน แสดงกับ จอนจีฮยอน พอดี ก็เลยกลายเป็นช่วงที่มีคนติดตามงานแปลที่เราทำต่อเนื่องมาเรื่อยๆ”

จากงานแปลของ KODHIT มีหลายๆคำที่กลายเป็นคำติดปากของแฟนๆซีรีส์ในไทยเยอะเหมือนกัน

“ส่วนใหญ่จะเป็นชื่อของตัวละครมากกว่า อย่าง โทเมเนเจอร์ ใน You Who Came from the Stars หรือ กัปตันยู ใน Descendants of the Sun จริงๆมันก็เป็นชื่อที่เค้าเรียกในเรื่องอยู่แล้ว แค่เราเลือกว่าจะไม่แปลมันเป็นภาษาไทยโดยตรง เพื่อให้ชื่อหรือคำมันตรงกับเสียงที่ตัวละครพูดออกมา คนดูเลยรู้สึกอินไปกับชื่อพวกนี้ได้ง่าย แต่ก็มีคนที่เค้าจริงจังเรื่องภาษาไม่ชอบเหมือนกัน ก็มีคอมเมนต์ว่าทำไมไม่แปลว่า ผู้จัดการโท หรือผู้กองยูชีจิน

ส่วนพวกมุขตลกหรือพวกคำพังเพยในเรื่อง บางทีเราก็ใช้การแปลตรงๆจากภาษาเกาหลีไม่ได้ เพราะว่าสำหรับคนไทยแล้วอาจเข้าใจไม่ตรงกัน เราก็ต้องหาคำพังเพยไทยที่มีความหมายตรงกันมาใช้ หรือมุขตลกที่มันทำให้คนไทยเข้าใจได้มากกว่าแทน บางประโยคก็เลยกลายเป็นรูปที่ถูกแคปแล้วเอามาเล่นสนุกๆกันในสังคมออนไลน์”

 

ในทีม KODHIT มีคนช่วยกันทำงานอยู่กี่คน

“แรกๆเราก็มีช่วงที่รับอาสาสมัครที่เค้าอยากเข้ามาช่วยเราแปลด้วย แต่ก็สลับสับเปลี่ยนอยู่ตลอด จนมาถึงช่วงปี 2015 ที่ค่อนข้างได้ทีมที่ลงตัว ก็จะมีอีก 2 คนคือ Besee กับ ออนนี่ ที่มาช่วยแปล แต่สุดท้ายก็เหลือแค่ Besee ที่แปลเป็นหลัก แล้วก็มีคนคอยจัดการเรื่องวีดีโอ เพจ แล้วก็เว็บไซต์อีก 2 คน รวมทั้งหมดทีมสุดท้ายจะมีแค่ 3 คน”

KODHIT แปลซีรีส์ใหม่อยู่ตลอดเวลาช่วงหลายปีนี้ เหมือนกับจะไม่มีวันหยุดกันเลย

“มันเหมือนกลายเป็นชีวิตประจำวันของเราไปแล้วที่ตื่นเช้ามานั่งแปลซีรีส์ แต่เราไม่เคยคิดว่าสิ่งเหล่านี้มันเป็นงานเลย เรียกว่าเราทำในสิ่งที่เราชอบมากกว่า แต่ถ้าถามว่าเหนื่อยไหม มันก็เหนื่อยนะ แต่ไม่ใช่เหนื่อยจากการแปลซีรีส์ มันเหนื่อยจากปัญหาต่างๆมากกว่า อย่างพวกเอาวีดีโอที่เราแปลไปอัพโหลดเอง หรือวีดีโอที่เราอัพโหลดไว้โดนลบ ซึ่งบางครั้งตื่นเช้ามาทุกเรื่องที่เคยอัพโหลดไว้หายไปหมดเลย ก็มีรู้สึกท้อใจบ้าง

จริงๆก็ไม่ใช่ว่าเราไม่มีวันหยุด มีบางช่วงที่เรามัวแต่มาทำตรงนี้จนกระทบงาน กระทบชีวิตส่วนตัว กระทบครอบครัว เราก็เลือกที่จะหยุดพักงานแปลตรงนี้ไป ซึ่งเราก็หยุดพักมาแล้วช่วงปี 2015”

หลายคนคิดว่า KODHIT มีคนติดตามเยอะ คนเข้าเว็บเยอะแบบนี้ต้องได้เงินมากแน่ๆ

“จริงๆเรื่องคนติดตามเยอะนี่เราไม่ค่อยได้สนใจเลย เราเน้นเรื่องแปลงานให้ดี วีดีโอต้องชัด เว็บต้องเข้าเร็วมากกว่า ปกติแล้วคนทำเว็บส่วนใหญ่รายได้ก็จะมาจากโฆษณาแบนเนอร์ต่างๆ แต่คนที่ติดตามเรามาตลอดจะรู้ว่าในเว็บ KODHIT มีโฆษณาน้อยมาก ซึ่งโฆษณาพวกนี้มันทำให้เว็บโหลดช้า แล้วคนที่เคยทำเว็บจะรู้ดีว่าเรตค่าโฆษณาสำหรับในประเทศไทยมันต่ำมากและค่อยๆลดลง ซึ่งมันสวนทางกับผู้ใช้งานที่มากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งมีคนเข้าเว็บมากเท่าไหร่เราก็ต้องจ่ายค่าเช่าเซอร์เวอร์แพงมากยิ่งขึ้น มีบางช่วงที่รายได้เข้ามาไม่พอกับค่าเช่าเซอร์เวอร์เราก็ต้องขอปรับแพคเกจของเซอร์เวอร์ที่เราใช้อยู่ลง

มีอีกเรื่องที่คนชอบถามเข้ามา คือเค้าไปเจองานแปลของเราในกล่องเคเบิลท้องถิ่น หรือตามพวกเว็บ IPTV เค้าก็เข้าใจว่าเราขายงานแปลของเราให้เว็บ ให้เคเบิลพวกนี้ไป ซึ่งจริงๆแล้วไม่เคยมีใครติดต่อมาหาเราเลย เค้าก็แค่เอาไฟล์ที่เราให้ดาวน์โหลดไปออกอากาศเอง แล้วก็กลายเป็นว่ามีคนเข้าใจผิดว่าเราได้เงินจากบริการพวกนี้ด้วย”

แปลซีรีส์เกาหลีมาเยอะ แล้ว KODHIT ชอบซีรีส์แบบไหน

“จริงๆเราก็ดูได้ทุกเรื่องนะ เอาที่ไม่ค่อยชอบน่าจะง่ายกว่า ที่ดูแล้วไม่ค่อยชอบจะเป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องชีวิตในออฟฟิศของหนุ่มสาวเกาหลี ส่วนตัวเราคิดว่าเรื่องมันซ้ำๆกันหมดค่อนข้างน่าเบื่อ

นอกจากนี้ก็จะเป็นเรื่องที่ออกมาไม่สมความคาดหวัง ปกติเวลาเราเห็นซีรีส์โปรโมทตัวนักแสดงดังๆมารวมตัวกัน โปรดักชันบอกว่าลงทุนมหาศาล หรือพลอตเรื่องตอนโปรโมตที่ดูน่าติดตาม เราก็จะคาดหวังว่ามันจะต้องดี แต่กลายเป็นว่าพอดูๆไป 3-4 ตอนแล้วอยากหยุดดูก็มี เรื่องที่สมความคาดหวังส่วนใหญ่ดูชื่อคนเขียนบทเราจะค่อนข้างมั่นใจมากกว่าดูชื่อนักแสดง”

 

มาถึงเรื่องที่หลายๆคนให้ความสนใจกันเป็นอย่างมากจากเหตุการณ์ช่วงปลายปี 2016 ที่ KODHIT ประกาศยุติการแปลซีรีส์เกาหลีทั้งหมด

 

เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันเป็นยังไง

“จริงๆเราก็เล่าเรื่องนี้ผ่านโพสต์บนเพจของ KODHIT ไปแล้วว่าได้รับจดหมายแจ้งจากทางหน่วยงานที่ดูแลด้านกฎหมายของ MBC และ SBS ในไทย แจ้งให้เรายุติการเผยแพร่ซีรีส์ของทั้ง 2 ช่อง ซึ่งมาเป็นภาษาไทย และที่สำคัญในจดหมายระบุว่าเป็นการเตือนครั้งที่ 2 ซึ่งก่อนหน้านี้เราไม่เคยได้รับฉบับแรกมาก่อน อาจจะเป็นเพราะเราใช้เซอร์เวอร์ในต่างประเทศพอคนดูแลที่นั่นเห็นว่าเป็นภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษเลยไม่ได้สนใจ และไม่ได้ส่งมาให้เรา แต่พอมีส่งมาอีกครั้งถึงค่อยแจ้งให้เราทราบ

ตอนที่ได้รับจดหมายเป็นภาษาไทยเราอ่านออกเข้าใจชัดเจนหมดทุกอย่าง แต่ในหัวกลับตีกันไปหมด หลายอารมณ์ หลายความรู้สึก แต่ความรู้สึกกลัวคงมากกว่า เพราะว่าพอมันเป็นภาษาไทยแล้วมันเหมือนทุกอย่างมันเข้าใกล้ตัวมามากๆ แล้วเราก็ไม่อยากให้ปัญหานี้มันกระทบกับครอบครัว หรือคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเรา เราเลยตัดสินใจที่จะหยุดตามคำเตือน และก็โพสต์ตามที่ได้เห็นกันแล้วในเพจ KODHIT”

ความรู้สึกจากเหตุการณ์นี้

“ทุกอย่างมันดูโล่งไปหมดเลย มันไม่ใช่โล่งใจนะ แต่มันโล่งเหมือนไม่มีอะไรเลย จู่ๆสิ่งที่เราทำมาเป็นประจำทุกวันต้องมาหยุดแล้วทำต่อไปไม่ได้ ก็มีฉุกคิดนะว่าเราตัดสินใจถูกไหมที่หยุดแบบนี้ แต่พอมาคิดๆดูมันก็ยังดีที่เราได้เป็นคนหยุดทำสิ่งที่เรารักด้วยตัวเราเอง ดีกว่ารอให้ถึงวันที่คนอื่นต้องมาหยุดเราแบบถึงที่

ที่เสียใจมากกว่าการหยุดงานแปลคือเรากังวลว่าเราจะเสียเพื่อนที่คอยพูดคุย คอยติดตาม คอยลุ้นซีรีส์ด้วยกันในเพจไป ซึ่งปกติแล้วเราจะไล่อ่านคอมเมนท์ในเพจตลอด เพราะทุกคนที่คอยติดตามคอยคอมเมนท์คือกำลังใจที่ให้เราอยากทำงานแปลจนมาถึงตรงนี้”

แต่เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจมากจากสาธารณะ แล้วก็มีคำถามเกิดขึ้นเยอะมากเหมือนกัน

“นักข่าว รายการโทรทัศน์ พยายามติดต่อเข้ามาเยอะมาก แล้วก็มีกระแสที่วิจารณ์ในมุมมองตัวเองเยอะ ซึ่งเราเองในตอนนั้นอย่างที่บอกคือในหัวมันโล่งไปหมด เราก็เลยพยายามที่จะทำตัวให้ติดต่อได้ยากไว้ ไม่อยากให้คนเค้าเอาที่เราให้สัมภาษณ์ไปตีความกันเองจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โตไปกว่านี้

แฟนๆในเพจก็มีถามมาเยอะว่าจะหยุดทำจริงๆเหรอ ไปจนถึงบางคนที่บอกว่ายอมจ่ายค่าสมาชิกเพื่อให้เราเอาเงินไปซื้อลิขสิทธิ์มา แต่เรื่องซื้อลิขสิทธิ์มันไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่ว่ากำเงินไปก็ซื้อมาได้เลย นอกจากเรื่องราคาที่มันไม่ใช่หลักแสนหลือหลักล้านแล้ว เรื่องการจัดการระบบต่างๆมันกลายเป็นเรื่องใหญ่หมด ซึ่งเรายังคงยืนยันว่าเราไม่อยากให้มันกลายเป็นการทำงาน เราอยากให้มันเป็นแค่สิ่งที่เรารัก สิ่งที่เราอยากทำ”

KODHIT ปิดฉากลงแล้ว ?

“ในเรื่องการทำซับเราตัดสินใจที่จะหยุดแล้ว แต่ก็มีทีวีหลายช่องที่ติดต่อมาให้ไปร่วมงาน ซึ่งเราก็ยืนยันเหมือนเดิมว่าไม่อยากให้มันกลายเป็นงาน เราเลยปฏิเสธไป แล้วก็มีหลายคนที่คอยมาถามว่ามีกลุ่มลับของ KODHIT หรือทำเว็บอื่นอีกไหม ก็ขอยืนยันตรงนี้เลยว่าไม่มี เรามีแค่เพจ กับเว็บไซต์เหมือนเดิมทุกอย่าง และตอนนี้เราก็พยายามรักษาให้ KODHIT ยังเป็นสังคม เป็นครอบครัว ที่เราอยากพูดคุยด้วย แบ่งปันความคิดเห็น ความชอบจากเรื่องราวในซีรีส์ต่างๆเหมือนเดิม

จากนี้ KODHIT ก็คงจะย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้น ที่นำเสนอข้อมูลของซีรีส์ที่ได้รับความสนใจ รายละเอียดต่างๆ เรื่องย่อ รายชื่อนักแสดง ซึ่งตอนนี้เราก็เตรียมตัวกันอยู่ว่าเราจะเพิ่มอะไรใหม่ๆเข้ามาอีก”

สุดท้ายแล้วอยากบอกอะไรกับทุกคนที่ยังคอยติดตามอยู่

“สำหรับทุกคนที่คอยติดตาม คอยมาพูดคุยกัน คอยให้กำลังใจ เราต้องขอขอบคุณมากๆ เพราะทุกคนเป็นแรงใจที่ทำให้เราเดินทางมาจนถึงตอนนี้ และต้องขอโทษที่ต้องยุติการแปลซีรีส์ลงแบบกระทันหัน หลังจากนี้ถ้าเราเตรียมความพร้อมกันเรียบร้อยแล้วคงจะได้เจอกัน ได้พูดคุยกันเป็นประจำเหมือนเดิมอีกครั้ง อยากให้ทุกคนคอยติดตามการเปลี่ยนแปลงของ KODHIT ครั้งนี้ด้วย”

การยุติการแปลซีรีส์ของ KODHIT คงไม่ใช่ฉากสุดท้าย เพราะมันเป็นแค่การก้าวสู่บทต่อไปของซีรีส์ที่จะพาไปสู่ตอนใหม่ หรือซีซันใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ คอยติดตามการเปลี่ยนแปลงของ KODHIT กันได้ในเร็วๆนี้

อ่านต่อ

Eddie Sophon

ผู้ก่อตั้งร่วมของ Hallyu K Star, โฮสต์พอดแคสต์ 'ดูซีรีส์ให้ซีเรียส' ผู้สนใจในวัฒนธรรมป๊อปของเกาหลี ทั้งเพลง-ซีรีส์-ภาพยนตร์ เลยเถิดไปถึงเรื่องสังคม เศรษฐกิจ และอาหารการกิน

บทความเกี่ยวข้อง

Back to top button