‘ไม่มีตำรา วิชาชีวิตคู่’ Listen To Love: เมื่อการแต่งงานไม่ใช่บทสรุปของความรัก

Listen To Love ซีรีส์จากปี 2016 ที่นำเสนออีกมุมมองของความรักในอีกด้านที่เกิดขึ้นหลังจากความรักที่เคยมีมากมายมหาศาลเริ่มจืดจางลง จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการมีชู้ ที่ถูกเล่าผ่านเรื่องราวโรแมนติกคอมมาดี้ ที่เอาโลกของสังคมออนไลน์เข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อเปิดมุมมองที่มีความร่วมสมัยในสังคมปัจจุบัน
ท่ามกลางความตลกของตัวละครในเรื่อง กลับเต็มไปด้วยความเครียดของตัวละคร ซูฮยอน ที่รับบทโดย ซงจีฮโย ภรรยาที่ต้องทำหน้าที่ดูแลลูกวัย 7 ขวบ ซึ่งหลังจากการแต่งงานแล้วความรักที่เคยได้รับจากสามี ฮยอนอู (แสดงโดย อีซอนกยุน) ก็เริ่มจืดจางลงด้วยภาระหน้าที่ต่างๆ รวมถึงความกังวลที่เธอไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนอย่างเรื่องของ ลูก
🎙GYUBIN ปลื้มเมืองไทยขนาดไหน? ถึงกลับมาถ่าย MV เพลงใหม่ LIKE U 100 ที่กรุงเทพ
▶ คลิกดูสัมภาษณ์พิเศษสามีเองที่รู้สึกว่าภรรยาของเค้าช่างแสนดี เป็นแม่ที่ดีของลูก เป็นภรรยาที่ไม่ขาดตกบกพร่องในการดูแลครอบครัว ทำให้เค้าไม่คาดคิดมาก่อนว่าภรรยาจะแอบมีชู้จนกระทั้งเค้าพบข้อความน่าสงสัยในโทรศัพท์ของเธอ ที่ทำให้ความรู้สึกของเค้าเหมือนโลกทั้งใบกำลังสลายลงไปต่อหน้า
LISTEN TO LOVE (2016)
คลิกเพื่อรับชม: ซีรีส์ Listen To Love พร้อมซับไทยฟรี
นักแสดงนำ
อีซอนกยุน รับบท โดฮยอนอู
ซงจีฮโย รับบท จองซูยอน
คิมฮีวอน รับบท ชเวยุนกี
เยจีวอน รับบท อึนอารา
อีซางยอบ นับบท อันจุนยอง
โบอา รับบท ควอนโบยอง
![]() | author ToiTing | KR SERIES LOVER |
‘ไม่มีตำรา วิชาชีวิตคู่’ Listen To Love
ไม่ว่าชีวิตนี้ เราจะอ่านหนังสือหลายร้อยเล่ม ฟังเรื่องราวของผู้คนหลายร้อยพัน พบเจอเรื่องราวไม่รู้จบ เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ และสร้างความทรงจำมากมายเพียงใด ก็คงยังไม่สามารถรวบรวมทุกอย่าง แล้วเขียนตำราความสัมพันธ์ ที่ตอบทุกปัญหาได้ ทำไมน่ะเหรอ…
เพราะทุกความสัมพันธ์ ล้วนเป็นเรื่องใหม่เสมอ
คนเราทุกคน เปรียบเหมือนสารเคมีชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร และแตกต่างกันไปในแต่ละชนิด บางครั้งสารเคมีก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่เราไม่สามารถควบคุมได้จากผลกระทบของปัจจัยต่างๆ เราเองก็เช่นกัน แม้เราจะอยู่กับตัวเองมานานแค่ไหน นั่นไม่ได้การันตีว่า เราจะเข้าใจ และควบคุมความคิดความรู้สึกของตัวเองได้ตลอดเวลา “เขา” เองก็เช่นกัน และเมื่อ “เรา” และ “เขา” ที่เหมือนสารเคมียากต่อการควมคุม 2 ชนิด มาผสมปนเปกัน ก็ย่อมเกิดปฏิกิริยาใหม่ขึ้นไม่เหมือนสารเคมีตัวเดิมที่คุ้นเคย แล้วทุกอย่างก็ “เข้าใจ” “ควบคุม” และ “จัดการ” ยากกว่าเดิม จึงไม่แปลกเลย ที่มันจะยากลำบากกว่าการอยู่คนเดียว
แล้วถ้าวันหนึ่ง เรารู้จักใครสักคนและตัดสินใจจะลองทำความเข้าใจและรู้จักกันมากขึ้น เราจะทำอย่างไรในเมื่อมัน “ยาก” แบบนี้ ความจริงทุกสิ่งไม่มีหลักการตายตัว แต่ก็มีหลายสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ มันอาจไม่สามารถใช้ได้กับทุกคู่ แต่มันอาจทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้นแม้อีกนิดก็ยังดี
***ข้อเขียนนี้รวบรวมความคิดจากประสบการณ์ทั้งตรง และอ้อม ของผู้หญิงอายุ 30 คนหนึ่ง และจากการดูซีรี่ส์เรื่อง Listen To Love ผู้หญิงคนนี้อาจยังเข้าใจโลกผิดๆก็ได้ ไม่ต้องเชื่อนางมากค่ะ 555***
—
เหตุผลที่รัก…
หลายครั้งเวลาคนสองคนคบหากัน เรามักจะได้ยินคำถามว่า “ทำไมถึงรัก” ไม่ว่าจะจากอีกฝ่าย หรือจากคนรอบตัว บางคนก็สามารถหาเหตุผลได้ ในขณะที่บางคนตอบไม่ได้ ความจริงมันไม่ได้จำเป็นมากมายนักหรอกที่จะต้องรู้ว่าทำไมถึงรักกัน
เรื่องนั้นไม่สำคัญเลย ถ้ายังรักกัน…
แต่เหตุผลที่รัก จะสำคัญในวันที่ความรักจืดจางลง… ความรักก็เหมือนทุกความรู้สึกของคนเรา เมื่อเกิดขึ้นได้ ก็จืดจางหายไปได้เช่นกัน และเมื่อวันหนึ่งความรักจืดจางลงไป สิ่งที่จะทำให้เรารักษาความสัมพันธ์เอาไว้ได้ก็คือ เหตุผลว่าทำไม “วันนั้น” เราถึงรักกัน
ในวันที่ความรักของ ฮยอนอู และ ซูยอน จืดจางลง ทั้งสองตัดสินใจแยกกันอยู่ เพราะการอยู่ใกล้กันอาจทำให้ทุกอย่างยิ่งเลวร้ายขึ้น แต่แล้ววันหนึ่งทั้งคู่ต้องร่วมไปร่วมงานศพของอาจารย์สมัยเรียน พวกเขาได้เจอเพื่อนๆ ได้พูดคุยเรื่องเก่าๆ “สมัยนั้น” ตอนที่ทั้งคู่ “ยังรักกัน” และนั่นทำให้ความทรงจำย้ำเตือนว่า “ทำไม” ทั้งคู่ถึงรักกัน
—
จากชีวิตคู่ สู่ชีวิตครอบครัว
เมื่อคนสองคนตัดสินใจคบหากัน ตอนแรกมันอาจเป็นเรื่องของคนสองคน โลกของคู่รักหลายคู่ในช่วงแรก มันคือโลกของเราสองคน เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อเราต้องเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา สิ่งแวดล้อม ผู้คนรอบตัวของเขา จากโลกของเราสองคน ก็เปลี่ยนไป เป็นการใช้ “ชีวิต” ร่วมกัน ฉันขอเรียกสิ่งนั้นว่า “ชีวิตคู่” ไม่ว่าสุดท้ายความสัมพันธ์จะเดินทางไปถึงการลงหลักปักฐาน แต่งงาน ร่วมบ้าน เจอหน้ากันทุกเช้าเย็นหรือไม่ นั่นก็คือชีวิตคู่ ที่มี “ฉัน” และ “เธอ”
แต่เมื่อวันหนึ่งที่คนสองคน ทำให้ชีวิตน้อยๆชีวิตหนึ่งเกิดขึ้นร่วมกัน ในวันนั้น เราก็เดินทางเข้าสู่การใช้ “ชีวิตครอบครัว” และทุกสิ่งก็เปลี่ยนไป เราจะกลายเป็น “พ่อ” และ “แม่” สถานะคนรัก ไม่ได้หายไป เพียงแต่มีสถานะใหม่เพิ่มขึ้นมา แต่ความสัมพันธ์ของบางคู่กลับเป็นเหมือน ฮยอนอู และซูยอน พวกเขาหลงลืม สถานะคนรัก และ “พยายาม” ทำหน้าที่ “พ่อแม่” ให้มากที่สุด แน่นอนนั่นเป็นเรื่องที่ดีต่อลูกของพวกเขา แต่กลับไม่ดีต่อความรักของพวกเขา
ซูยอนเริ่มเหนื่อยกับหน้าที่ของ “แม่” หลังจากให้กำเนิดลูกชาย เธอแทบไม่เคยได้เป็น “คนรัก” อีกเลย และนั่นทำให้ทุกอย่างเริ่มยากขึ้น สุดท้ายความเหนื่อยล้านี้ ก็มีส่วนทำให้เธอนอกใจ
—
โซ่ทอง หรือ บ่วงคล้องคอ ?
ในขณะที่บางคนกล่าวว่าลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจ เจ้าชายสิทธัตถะ กลับตั้งชื่อลูกว่า ราหุล อันแปลว่าบ่วง ทำไมกัน นั่นเพราะเมื่อเด็กคนหนึ่งเกิดขึ้นมาแล้ว นั่นคือความรับผิดชอบ นั่นคือหน้าที่ที่เพิ่มขึ้นมาของคนสองคน แน่นอนว่าเด็กน้อยย่อมเป็นชีวิตอันงดงาม แต่คงไม่ผิดเช่นกัน ถ้าจะบอกว่า นั่นทำให้ชีวิตของคนสองคนยากขึ้น
เพราะแบบนี้ ลูกอาจทำให้เรารักกันมากขึ้น แต่ก็อาจทำให้เรารักกันน้อยลงได้เช่นกัน ซึ่่งมันจะเป็นไปในทางไหน ดีหรือไม่ ก็อาจไม่มีหนังสือ How to เล่มไหนรับประกันได้เลย
—
ความผิดของใคร…?
ฮยอนอู เลือกจะปิดบังคนรอบตัว เมื่อเขารู้ว่า ซูยอน มีชู้ เขาเลือกจะโพสเรื่องราวของเขาลงบนกระดานสนทนาในเว็บไซต์ ในเวลาเดียวกัน ในฐานะโปรดิวเซอร์รายการโทรทศน์ เขากำลังทำรายการใหม่ เกี่ยวกับการมีชู้ของผู้หญิง เขาได้สอบถาม หาข้อมูล สัมภาษณ์ และนั่นทำให้เราได้เห็นทัศนคติของคนต่อการมีชู้ ของสามี และภรรยา
เมื่อสามีมีชู้ โดยปกติแล้ว ผู้คนมักมองไปว่า เป็นไปตามความต้องการเบื้องลึก เป็นเรื่องที่ควบคุมได้ และถ้าเกิดขึ้น นั่นเป็นความผิดของสามี ในขณะเดียวกัน สำหรับบางคน การมีชู้ของภรรยา กลับกลายเป็นความผิดของสามี เพราะสามีไม่รักเธอมากพอ เพราะสามีทำให้เธอต้องรับผิดชอบหน้าที่มากมาย ทำไมการมีชู้ของภรรยาก็เป็นความผิดของสามีล่ะ
ในมุมมองของฉัน เรื่องการมีชู้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน มันควรจะเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน หากจะมีใครผิด มันก็ควรเป็นทั้งสองคน ทำไมน่ะเหรอ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างทุกการกระทำของทั้งสองฝ่าย ล้วนมีผลต่ออีกฝ่าย และนั่นทำให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้น เพราะมีสิ่งนี้ สิ่งนั้นจึงเกิดขึ้น ทุกอย่างเกี่ยวข้องกัน ไม่มีสิ่งใดแยกจากกันอย่างสิ้นเชิง ไม่มากก็น้อย มันมีผลต่อกัน ฉะนั้น มันไม่ใช่แค่ความผิดของ “เธอ” หรือความผิดของ “ฉัน” แต่มันคือ ความผิดของ “เรา”
—
Forgive… Forget…
เมื่อเวลาผ่านไป ฮยอนอู และซูยอน ได้ทำความเข้าใจกันมากขึ้น คิดถึงมุมของอีกฝ่ายมากขึ้น ฮยอนอูคิดว่าตัวเองสามารถให้อภัยซูยอนได้แล้ว แต่เมื่อเขากอดเธอ เขากลับเห็นภาพชายชู้ลอยเข้ามาในความคิด นั่นทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง
ฮยอนอูอาจจะให้อภัยได้ แต่เขากลับไม่สามารถลืมได้ สำหรับฉัน การลืม ยากกว่าการให้อภัยหลายเท่านัก หลายครั้งเราให้อภัยคนบางคน เพียงเพราะเขาอาจไม่มีค่าพอให้เราเกลียดโกรธให้เสียเวลา บางครั้งเพราะความรักเราก็สามารถให้อภัยกันได้ เหมือนที่ฮยอนอูให้อภัยซูยอน
แต่การลืมอดีตเป็นคนละเรื่องกัน และบางทีมันอาจเป็นสิ่งที่เราทำไม่ได้ตลอดชีวิต แต่ทางออกอาจไม่ใช่การลืม แต่เป็นการยอมรับ และอยู่กับมัน
“ควาทรงจำ” เป็นสิ่งที่มีคุณสมบัติพิเศษคือ เราอาจทำมันหายไปโดยไม่รู้ตัว แต่ขณะเดียวกัน ถ้าเรา “พยายาม” เขวี้ยงมันทิ้ง มันกลับวนเวียนอยู่ในความคิดเรามากกว่าเดิม ฉะนั้นไม่ว่าความทรงจำจะดีหรือร้าย บางทีเราอาจทำอะไรมันไม่ได้เลย นอกจากปล่อยให้มันเป็นไป
ความทรงจำที่ดี เราอาจจดบันทึก ถ่ายภาพ หรือพยายามย้ำเตือน เพื่อรักษาความทรงจำไว้ให้นานที่สุด แต่ก็รับประกันไม่ได้ว่ามันจะอยู่ตลอดไป แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เราทำได้ “ทำได้แค่นั้น”
ความทรงจำที่ไม่ดี เราก็เพียงวางมันทิ้งไว้ ถ้ามันจะหายไปเอง ก็ถือเป็นเรื่องดี แต่หากมันไม่หายไป เราก็แค่เรียนรู้จากมัน และอยู่กับมัน ยอมรับ และเข้าใจ แม้ตอนแรกมันอาจทำให้เรา เจ็บ โกรธแค้น เศร้า หม่นหมอง แต่เราก็ “ทำได้แค่นั้น”