อีดงอุค ‘ผู้ชายแห่งปี’ 20 ปีกับความท้าทายบนเส้นทางนักแสดง

ถ้าพูดถึงหนึ่งในนักแสดงชายของวงการบันเทิงเกาหลีที่โดดเด่นมากๆในปีนี้จะต้องมีชื่อของ อีดงอุค รวมอยู่ในนั้น จากผลงานของเค้าที่ถูกนำเสนอออกมาในหลากหลายด้านทั้งผลงานการแสดงละครและการทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการทางโทรทัศน์
ด้วยความโดดเด่นของ อีดงอุค ในปีนี้ทำให้เค้าถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในสี่ ‘ผู้ชายแห่งปี’ ของนิตยสาร GQ KOREA ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่เค้าได้รับเลือกในตำแหน่งนี้
ในปี 2019 อีดงอุค ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่หลากหลายของเค้าผ่านผลงานต่างๆที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงตั้งแต่ผลงานในซีรีส์โรแมนติกคอมมาดี้อย่าง Touch Your Heart ซีรีส์แนวระทึกขวัญอย่าง Stranger From Hell ไปจนถึงการทำหน้าที่ตัวแทนโปรดิวเซอร์แห่งชาติในรายการ PRODUCE X 101 ที่แสดงให้เห็นความอ่อนโยนในจิตใจของเค้า ซึ่ง อีดงอุค ได้เปิดเผยว่าการรับงานต่างๆในปีนี้เป็นความตั้งใจของเค้าที่อยากจะลองท้าทายอะไรใหม่ๆเพื่อทดสอบตัวของเค้าเอง
🎙GYUBIN ปลื้มเมืองไทยขนาดไหน? ถึงกลับมาถ่าย MV เพลงใหม่ LIKE U 100 ที่กรุงเทพ
▶ คลิกดูสัมภาษณ์พิเศษและด้วยเหตุผลนี้ทาง GQ KOREA จึงได้มอบความท้าทายให้กับ อีดงอุค ด้วยการวางคอนเซปต์แฟชั่นเซ็ตให้เค้าต้องถ่ายรูปออกมาในธีมของมิคกี้เมาส์
“คอนเซปต์นี้เป็นโอกาสที่ทำให้ผมได้ลองอะไรที่เซอร์ไพรส์ตัวเองอยู่เหมือนกันครับ ได้ไว้ผมยาวด้วยการต่อผม แล้วก็เป็นครั้งแรกเลยครับที่ใช้พร็อพแบบน่ารักๆในการถ่ายแฟชั่น” อีดงอุคพูดถึงคอนเซปต์ในการถ่ายแฟชั่นเซ็ตนี้
เมื่อถามถึงเรื่องอายุของเค้าว่ารู้สึกว่าตัวเองแก่ไปไหมสำหรับคอนเซปต์แบบนี้ อีดงอุคได้ตอบว่า
“เวลาผมไปต่างประเทศผมก็จะเจอร้านขายของที่ระลึกของดิสนีย์อยู่บ่อยๆครับ เวลาเข้าไปในร้านก็จะทำให้ผมรู้สึกมีพลังขึ้นนะครับ ถึงผมจะแก่จนเป็นคุณปู่แล้วผมคิดว่าความรู้สึกแบบนี้ก็คงไม่เปลี่ยน”
อีดงอุค กำลังจะเริ่มต้นความท้าทายใหม่ของเค้าด้วยการทำรายการทอล์คโชว์ของตัวเอง ซึ่งเค้าได้เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า
“ตอนแรกที่ได้รับการติดต่อมาผมก็เซอร์ไพรส์นะครับผมยังถามกลับไปว่า ‘ทำไมถึงเป็นผม’
โปรดิวเซอร์เค้าบอกว่าเห็นสัมภาษณ์ของผมที่บอกไว้ว่าอยากลองทำรายการทอล์คโชว์ครับ แล้วเค้าก็ได้ดูรายการอื่นๆที่ผมเคยทำหน้าที่พิธีกรมา แล้วเมื่อ 2 ปีก่อนในงานแฟนมีตติงผมได้จัดช่วงหนึ่งเป็นทอล์คโชว์แบบอเมริกันกับคุณกงยูครับ ใช้ชื่อว่า ‘อีดงอุคโชว์’ ซึ่งโปรดิวเซอรืเค้าก็บอกว่าได้ดูคลิปแล้วเหมือนกันครับ ผมก็เลยขอเวลาตัดสินใจเรื่องนี้ครับ แน่นอนครับว่าผมอยากลองทำดู แต่อีกใจผมก็กลัว แต่ผมก็คิดนะครับว่ามันน่าจะเป็นอะไรที่สนุกในแบบที่ผมหาไม่ได้จากการแสดงละคร”
อีดงอุค ได้เล่าว่าในวัยเด็กเค้าเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัว และตลอดช่วงการทำงานที่ผ่านมาเค้าก็พยายามที่จะแก้ไขนิสัยตรงนี้
“ผมพยายามที่จะพูดให้มากขึ้นครับ พยายามเป็นคนที่พูดนำประเด็นเวลาที่คุยกัน มันก็ทำให้ผมเกิดความสุขเล็กๆนะครับ แล้วผมเองก็พัฒนาขึ้นในเรื่องการพูดคุยจนผมอยากทดสอบตัวเองว่าจะสามารถทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการได้ดีแค่ไหน ผมมีความสามารถมากพอหรือยังที่จะสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนอื่น”
เมื่อถามถึงการวางแผนในอนาคต อีดงอุค ได้เล่าว่า
“ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมชอบนะครับ ผมก็อยากที่จะทำงานแสดงไปเรื่อยๆครับ แต่งานแสดงมันเป็นงานที่ผมต้องถูกเลือก ทำให้มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่ผมคาดหวังไว้ ซึ่งมันก็เป็นอะไรที่ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อให้ออกมาดีครับ”
เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วที่ อีดงอุค เริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักแสดง ซึ่งเค้าพูดถึงความรู้สึกต่อผลงานต่างๆในอดีตว่า
“ไม่ว่าจะเป็นละคร ภาพยนตร์ รายการวาไรตี้ หรืออะไรก็ตามครับ ผมยังไม่มีประสบการณ์มากพอที่จะรู้สึกสบายใจเวลาทำแต่ละงาน มันยังมีความกังวล และช่วงเวลาที่อยากลำบากหลายๆครั้ง บางครั้งก็เหมือนผมพบกับทางตันเหมือนกัน ผมผ่านสิ่งเหล่านี้มาได้ด้วยความรู้สึกยินดีเวลาที่ตัวเองสามารถทำลายกำแพงที่แขวงผมอยู่ตรงนั้นได้ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกสนุกกับความลำบากในการทำลายกำแพงนั้นนะครับ
ผมคิดว่าในอนาคตก็ยังคงมีความไม่สบายใจเกิดขึ้น ผมเองไม่มีแผนที่วางไว้สำหรับการงานหรือชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ผมแค่ไม่ยอมแพ้หรือวิ่งหนี แล้วเดินหน้าต่อไปท้าทายกับสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้น”
อีดงอุค ยังได้พูดถึงสิ่งที่ทำให้เค้ารู้สึกคุ้มค่ากับเส้นทางที่เค้าได้เดินมากว่า 20 ปีบนเส้นทางนักแสดง
“ผมได้จัดงานแฟนมีตติงในช่วงที่ผ่านมา แล้วมีแฟนคนหนึ่งเค้าขอบคุณผมที่ทำให้เค้าได้รู้สึกภูมิใจในการได้เป็นแฟนคลับของอีดงอุค ตอนนั้นผมขนลุกเลยครับ เพราะผมคิดว่าคงไม่ง่ายนักที่ตัวผมเองจะสามารถประทับใจใครได้ในระดับนี้”
เมื่อถามถึงงานในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ที่เค้าอยากเอามาโชว์ถ้าหากได้จัดนิทรรศการครบรอบ 20 ปีของตัวเอง เค้าจะเลือกเรื่องอะไรบ้าง อีดงอุค ได้ตอบว่า
“ต้องมีงานเดบิวต์แน่นอนครับ ตอนนั้นผมอยู่ ม.6 แล้วก็ได้เล่นละครสั้นตอนเดียวที่ชื่อว่า ‘There’s A World Outside Of This Path’ ซึ่งเรื่องนี้จะแสดงให้เห็นถึงตัวของผมตอนเป็นเด็กครับ แล้วก็เป็นเรื่อง ‘My Girl’ ที่รับบทนำครั้งแรกและทำให้ผมได้รับความรักเยอะมากๆ เรื่อง ‘A Bittersweet Life’ ที่แสดงออในเรื่องอารมณ์ยากมากๆจนเหมือนมีกำแพงขนาดใหญ่ขวางผมอยู่ตอนที่แสดง และถ้าให้เลือกได้อีกหนึ่งเรื่อง ผมจะขอเลือกเรื่อง ‘Goblin’ ที่สร้าง อีดงอุค ให้มีตัวตนอยู่ในวันนี้ครับ”