Mystic Pop-up Bar
쌍갑포차

เรื่องย่อ – synopsis

วอลจู (รับบทโดย ฮวังจองอึม ผลงาน : Lucky Romane / She Was Pretty / Kill Me, Heal Me) เถ้าแก่เนี้ยร้านเหล้าริมทาง ที่ไม่ใช่เพียงที่ดื่มกินในค่ำคืนอันเหน็ดเหนื่อยของผู้คน แต่เป็นกิจการบังหน้า เบื้องหลังความจริงที่วอลจูใช้สถานที่แห่งนี้เพื่อการปฏิบัติภารกิจ ช่วยเหลือปลอบประโลมใจของคนให้ครบ 1 แสนคน ซึ่งเป็นการลงโทษที่เธอได้กระทำการลบหลู่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เมื่อ 500 ปีก่อน

แม้ผู้คนในโลกปัจจุบัน จะถาโถมไปด้วยความทุกข์มากมาย แต่การทำให้คนเหล่านั้น “เล่าออกมา” กลับยากเหลือเกิน และเธอยังถูกกดดันเมื่อเบื้องบนส่งข้อความมาว่าจะให้เวลาเธออีกเพียง 1 เดือนเท่านั้น ที่จะสะสางภารกิจนี้ให้เสร็จสิ้นด้วย 10 เคสสุดท้ายของเธอที่เหลืออยู่

และแล้ว วอลจู ก็เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เมื่อเธอได้พบกับ ฮันคังแบ (รับบทโดย ยุกซองแจ ผลงาน : Goblin / Who Are You – School 2015) หนุ่มลูกจ้างชั่วคราวในซุปเปอร์มาร์เก็ต ผู้มีความสามารถพิเศษ ที่เมื่อสัมผัสตัวกับใคร จะทำให้คนๆนั้น อยากพูดระบายเรื่องราวความทุกข์ที่ตัวเองประสบอย่างหมดเปลือก… “นี่แหละที่เจ๊ต้องการ!!!” วอลจู จึงตกลงร่วมมือกับ คังแบ  และรับปากจะช่วยเหลือเขา ให้กลับมาเป็นคนปกติ หากเขาสามารถช่วยเหลือให้ภารกิจของเธอสำเร็จทันเวลา

แม้ภารกิจจะไม่ง่าย แต่หลายหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว มาติดตามเอาใจช่วย ทีม “ร้านเหล้าลับแล” ให้ทำงานนี้สำเร็จได้ใน Mystic Pop-up Bar รับชมตอนใหม่พร้อมซับไทยได้ทุกคืนวัน พุธ – พฤหัสบดี ที่ Netflix

รีวิว – review

การที่ตัวละครหลักของเรื่อง เป็นหญิงสาวที่มีความแปลกและความป้า เพราะอยู่ข้ามชาติมาเป็นร้อยปี คอยทำหน้าที่บางอย่าง ก็คงทำให้อดคิดถึง Hotel Del Luna อย่างช่วยไม่ได้ เพราะ วอลจู และ มันวอล มีภาพทับซ้อนกันอยู่ แต่รูปแบบภารกิจนั้นต่างกัน เพราะในขณะที่มันวอลต้องจัดการบรรเทาทุกข์ให้เหล่าผี เพื่อให้หมดห่วงและเดินทางไปสู่อีกฝั่ง ส่วนงานของวอลจูคือการบรรเทาทุกข์ให้คนเป็น ที่มีความอัดอั้นอยู่ในใจ ไม่สามารถระบายออกมาได้ แต่เมื่อได้ระบายให้เธอฟัง และบอกเธอถึงสิ่งที่ต้องการ หลังจากนั้นเมื่อ “รับจอก” จากเธอ ก็ถือเป็นการเริ่มภารกิจที่เธอจะเข้าไปในฝัน เพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ในใจ แน่นอนว่าเรื่องนั้นจะเกิดขึ้นเพียงในฝัน แต่ในฝันที่เหมือนจริงนั้น อาจทำให้บางคนได้ทบทวน บางคนได้บทเรียน และบางคนอาจลุกขึ้นมาทำสิ่งที่เคยไม่กล้าทำ (และบางทีก็มีแถมบริการในโลกความจริงด้วย)

ถ้าให้นิยามสั้นๆ ก็ถือเป็น ซีรีส์แฟนตาซี เทพๆผีๆ แนวบำบัดทุกข์ ที่มีลักษณะเป็นเคสๆ ขนานไปกับการเล่าเรื่องราวของเหล่าตัวละครหลัก ที่แต่ละคนมีเรื่องราวเบื้องหลัง (ตามสไตล์ของซีรีส์แนวนี้) ก็มักจะมีความเกี่ยวข้องกันตามบุญกรรมที่ทำร่วมกันมาตั้งแต่ชาติก่อน ซึ่งส่วนของภารกิจ ก็ทำให้เราได้สนุกสนาน ลุ้นกับการแก้ปัญหา วางแผน และได้แง่คิดการใช้ชีวิต จากความทุกข์ของแต่ละเคส ในส่วนของเส้นเรื่องส่วนตัว ก็น่าจะเป็นจุดที่ทำให้เราได้คาดเดา ทั้งความสัมพันธ์ในอดีต ปลายทางของความสัมพันธ์และเรื่องราวในตอนจบ จะบอกว่าเรื่องเดาง่ายก็ได้ ในเชิงภาพใหญ่ แต่ในรายละเอียดก็คงมีอะไรให้เราสนุกแน่นอน

โทนของเรื่องเน้นความคอมเมดี้เป็นหลัก มีความฮาในระดับมาก ดูแล้วอารมณ์ดี แต่ละภารกิจปิดท้ายด้วยเรื่องราวอบอุ่นดีๆ และแง่คิด ถือว่าดูง่าย แต่ก็ไม่น่าเบื่อ เพราะมีลักษณะของงานทีม ที่เป็นความร่วมมือของสามคนที่มีความแตกต่าง แล้วมีเคสย่อยทำให้มีเรื่องราวสั้นๆให้ดูในทุกตอน (เฉลี่ยๆ ก็เคสละตอนพอดี – ความยาวทั้งหมด 12 ตอน ภารกิจต้องทำ 10 เคส)

นักแสดงแต่ละคน เล่นไม่ห่วงสวยห่วงหล่อ เล่นใหญ่เอาฮากันตามแนวของเรื่อง ฮวังจองอึม เรื่องนี้ แม้จะเล่นใหญ่จัดเต็ม แต่ความเพี้ยนของตัวละครก็ไม่สามารถกลบรัศมีความสวยของเธอได้เลย (ในขณะที่มันวอลใน Hotel แต่งตัวสวยแก่ วอลจู จะมีความป้าประมาณนึงแต่งตัวโบราณๆ เพราะนางเป็นเจ้าของบาร์ข้างทางอะเนอะ แต่ก็มีชุดสวยๆ ธรรมดาๆอยู่นะ เวลาปฏิบัติภารกิจต่างๆ) ส่วนคุณ ชเววอนยอง รับบทผู้ช่วยของนางเอก แม้บุคลิกจะมีความฮา แต่ในตอนล่าสุด (ตอนที่ 4) ก็เริ่มแสดงความเท่ และความลึกลับ ดูมีลับลมคมใน ทำให้ตัวละครดูมีอะไรๆมากขึ้น และสุดท้ายหนุ่มน้อยของทีมบรรเทาทุกข์ รับบทโดย ยุกซองแจ ในบทบาทหนุ่มน้อยคนซื่อ จิตใจดี และแน่นอน เล่นใหญ่ได้อย่างน่ารักมากกกกก

เอาว่าเรื่องนี้ก็ มีส่วนให้นึกถึงเรื่องอย่าง Hotel Del Luna อยู่ ส่วนตัวให้ระดับความฮามากกว่า แต่เรื่องความฟินไม่เท่า Hotel (อันนี้ไม่ได้คิดจะเปรียบเทียบดี – ไม่ดี แต่เทียบกันให้เห็นระดับอารมณ์ของเรื่องให้เข้าใจง่ายๆเนอะ) ดูง่าย เฮฮา มีแง่คิดการใช้ชีวิตเบาๆใครอ่านแล้วสนใจ ก็ตามไปดูกันได้ที่ Netflix นะ เรื่องนี้ลงตอนใหม่คืนเดียวกับเกาหลี รวดเร็วทันใจเหมือนเดิม