
BLACKPINK: Light Up the Sky ภาพยนตร์สารคดี K-POP เรื่องแรกของ Netflix กำลังจะลงจอให้ได้ชมกันแล้วในวันพรุ่งนี้ (14 ตุลาคม) แต่ก่อนที่เราจะได้ชมเรื่องราวของ 4 สาว ในมุมที่เราไม่เคยสัมผัสกันมาก่อน มันมีจุดเริ่มต้นและเรื่องราวก่อนที่โปรเจคต์นี้จะกลายเป็นความจริง ที่ถูกเล่าโดยผู้กำกับของเรื่อง
แครอไลน์ ซอ ผู้กำกับสารคดีชาวอเมริกัน-เกาหลี ได้มาพูดคุยถึงเบื้องหลังการทำงานในสารคดีเรื่องนี้ และเล่าถึงจุดเริ่มต้นของโปรเจคต์ที่กลายมาเป็นสารคดี K-POP ชุดแรกของ Netflix
แครอไลน์ ซอ “ฉันเป็นคนอเมริกันเชื้อสายเกาหลี ก็เลยไม่แปลกที่จะสนับสนุนทุกอย่างที่เป็นเกาหลีค่ะ หลานของฉันเป็นคนที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับ K-POP ฉันก็เลยซึมซับมาจากหลานด้วย จริงๆแล้วทาง Netflix ก็มีแนวคิดที่จะทำภาพยนตร์เกี่ยวกับ BLACKPINK อยู่แล้ว และได้เข้ามาถามฉันว่าสนใจที่จะทำโปรเจคต์นี้ไหม ซึ่งแน่นอนว่าฉันสนใจค่ะ และได้ตอบตกลงเข้าร่วมทีม หลังจากนั้นเราก็ไปประชุมกับ YG Entertainment หลายครั้ง ซึ่งโชคดีมากค่ะ ที่ทุกอย่างมันออกมาลงตัว”
🎙GYUBIN ปลื้มเมืองไทยขนาดไหน? ถึงกลับมาถ่าย MV เพลงใหม่ LIKE U 100 ที่กรุงเทพ
▶ คลิกดูสัมภาษณ์พิเศษสำหรับเธอแล้วการเติบโตและใช้ชีวิตในอเมริกาทำให้ความคุ้นเคยกับ K-POP ของเธออาจไม่มากพอ และทำให้เธอเริ่มต้นศุกษาภาพรวมและทำความเข้าใจกับวงการนี้ก่อนที่จะเริ่มต้นการทำงาน
แครอไลน์ ซอ “ถ้าพูดถึง K-POP ในภาพรวม ฉันไม่เคยรู้เลยว่าวงการนี้ใหญ่และสำคัญกับเกาหลีแค่ไหน การได้เรียนรู้เรื่องราวทั้งหมดในภาพรวมเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากค่ะ หลังจากที่ได้ตอบรับการร่วมงานแล้ว ฉันก็เริ่มดูคลิปต่างๆของ BLACKPINK แล้วก็ต้องทึ่งไปกับงานโปรดักชันที่อลังการและล้ำสมัยมาก ตั้งแต่เสื้อผ้าหน้าผมไปจนถึงฉากการแสดง เพลงทั้งหมดก็ทำมาดีมากๆ พอได้ดูแล้ว ก็แทบจะเลิกดูไม่ได้เลยค่ะ”
โชคดีที่โปรเจคต์นี้เริ่มทำงานก่อนที่ COVID-19 จะระบาด ทำให้การหาข้อมูลต่างๆ และการเดินทางไปถ่ายทำในเกาหลีสามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่ง แครอไลน์ ซอ ได้เล่าถึงการทำงานในสารคดีเรื่องนี้ว่า
แครอไลน์ ซอ “เราใช้เวลารวบรวมข้อมูลกันเพียงไม่กี่เดือนก่อนเริ่มถ่ายทำจริงค่ะ จากนั้นเราจึงออกเดินทางไปถ่ายทำที่เกาหลีกัน 2 ครั้ง ครั้งแรกคือช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2019 แล้วก็กลับไปอีกครั้งก่อนเกิดโควิดระบาดช่วงต้นปี 2020 เราโชคดีที่กลับไปเกาหลีก่อนที่ทุกอย่างจะล็อกดาวน์
ฉันได้ไปพบโปรดิวเซอร์ Teddy ก่อนที่ทางวง BLACKPINK จะตอบรับทำภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ และฉันเองก็ไปคอนเสิร์ตของ BLACKPINK ที่พรูเดนเชียลเซ็นเตอร์ในนิวเจอร์ซีย์ด้วย คอนเสิร์ตครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นกับตาว่าแฟนๆ ของวงมีพลังมากและตื่นเต้นไปกับวงมากแค่ไหน สถานที่จัดงานเป็นสนามกีฬาขนาดใหญ่ มีแฟนๆ หมากหมายกลุ่มมาดูคอนเสิร์ตกันจนเต็ม ทำให้ฉันเข้าใจว่าแฟนคลับของวงนี้มากเป็นกลุ่มที่ใหญ่มากแค่ไหน”
แต่กว่าที่สารคดีนี้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ทุกอย่างคือความลับ และยิ่งการได้ไปอยู่ในฉากหลังการทำกิจกรรมของ BLACKPINK แล้ว ความลับต่างๆ ยิ่งมีมากกว่าการถ่ายทำสารคดีนี้
แครอไลน์ ซอ “โดยปกติสารคดีทุกเรื่องต้องเก็บไว้เป็นความลับอยู่แล้วค่ะ เราต้องระมัดระวังมาก ต้องไม่เล่าเรื่องการถ่ายทำให้คนนอกรู้เลย
แต่พอฉันได้มาทำสารคดีเรื่องนี้ ก็ได้เข้าใจภายหลังว่าเรื่องราวต่างๆของ BLACKPINK เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็อยากรู้ข้อมูลไปหมด ไม่ว่าจะเป็นชีวิตส่วนตัว แฟชั่นการแต่งตัว ไปจนถึงเพลงใหม่ของวง ที่สมาชิกทุกคนในวงช่วยกันทำเพลงและยังไม่ได้ปล่อยออกมาให้แฟนๆ ได้ฟังกัน ซึ่งมันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และเป็นมุมที่น่าสนใจมาก เพราะแค่การฟังเพลงเฉยๆ เราอาจดูไม่ออกเลยว่าผลงานที่ปล่อยออกมานั้นเกิดจากความทุ่มเทของวงมากขนาดไหน ฉันเองยังรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเธอเข้าสตูดิโอทำงานกันตลอด ทดลองทำเพลงใหม่ๆ แล้วฟังกันดูว่าเพลงไหนจะออกมาดีที่สุด”
สุดท้ายผู้กำกับได้พูดถึงสิ่งที่ผู้ชมจะได้รับจากสารคดีเรื่องนี้ว่า
แครอไลน์ ซอ “สารคดีเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวที่เรียบง่าย เรื่องราวของวัยรุ่นที่ทำความฝันให้เป็นจริงผ่านเส้นทางที่หนักหน่วงและน่าท้อใจ ฉันว่าเรื่องราวแบบนี้สร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนได้เป็นอย่างดีจากการได้เห็นคนที่ทุ่มเทสุดตัวและผลักดันตัวเองไปสู่ความสำเร็จ สาวๆ ทั้ง 4 คนแบกรับความคาดหวังไว้เยอะมากในฐานะไอดอล ดิฉันหวังว่าหนังเรื่องนี้จะเผยให้ผู้ชมได้เข้าใจพวกเธอในด้านความเป็นมนุษย์และมองพวกเธอในฐานะมนุษย์คนหนึ่งด้วยเช่นกัน”
BLACKPINK: Light Up the Sky จะเผยแพร่ให้ได้ชมกันทั่วโลกในวันที่ 14 ตุลาคม รับชมกันได้ทาง Netflix