อีซึงกิ พูดถึง ‘จองบารึม’ บทไซโคพาธที่ช่วยเปิดกว้างความเป็นนักแสดงในตัว

Mouse ซีรีส์ที่พาผู้ชมเข้าสู่เบื้องลึกในจิตใจของฆาตกรไซโคพาธได้ปิดฉากลงแล้ว แต่กระแสการถูกพูดถึงยังคงครุกรุ่นถึงเรื่องราวของปมต่างๆ ที่เหมือนจะคลี่คลายแล้ว แต่ก็ยังมีคำใบ้บางอย่างหลงเหลืออยู่
และหนึ่งในตัวละครที่ยังคงติดอยู่ในใจของผู้ชมก็คือ ‘จองบารึม’ ที่รับบทโดยนักแสดงระดับท๊อปของวงการอย่าง อีซึงกิ ที่ในครั้งนี้เป็นครั้งแรกของเขาที่มารับบทของฆาตกรไซโคพาธ
🎙GYUBIN ปลื้มเมืองไทยขนาดไหน? ถึงกลับมาถ่าย MV เพลงใหม่ LIKE U 100 ที่กรุงเทพ
▶ คลิกดูสัมภาษณ์พิเศษระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังจากที่ซีรีส์ Mouse ได้จบลง อีซึงกิ ก็ได้พูดถึงตัวละคร ‘จองบารึม’ ที่ช่วยทำให้ความเป็นนักแสดงในตัวของเขาได้เติบโตและขยายกว้างออกไปด้วยตัวละครที่แตกต่างไปจากภาพเดิมๆ ของเขา
“ปกติแล้วภาพลักษณ์ของ ‘อีซึงกิ’ ที่ทุกคนคุ้นเคยมันต่างกันมากกับภาพที่หลายๆ คนจินตนาการถึงฆาตกรไซโคพาธครับ ดังนั้นเลยมีหลายๆ คนที่กังวลกันว่าพอผมแสดงบทนี้ออกมาแล้วจะมีเสียงตอบรับเป็นอย่างไร
ตัวละคร ‘จองบารึม’ เป็นคนที่มีทั้งด้านดีสุดๆ กับร้ายสุดๆ รวมกันอยู่ สำหรับผมแล้วค่อนข้างชอบเวลาได้แสดงในบทที่น่าดึงดูดและตัวผมสามารถอินไปกับบทนั้นได้ ซึ่งบทของ จองบารึม ทำให้ความเป็นนักแสดงในตัวผมมันแผ่กว้างออกไปอีกครับ และแทนที่ผมจะกังวลว่าตัวเองจะต้องแสดงบทคนดีหรือคนร้าย ผมอยากแสดงในบทที่หลากหลายแบบนี้ต่อไปครับ”
และปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เขาสามารถถ่ายทอดตัวละคร ‘จองบารึม’ ออกมาจนได้รับคำชมอย่างมาก ก็คือทีมนักแสดงที่ได้ร่วมงานกันในเรื่องนี้ ซึ่งเขาได้เล่าว่า
“ในการทำงานเรื่องนี้เป็นอีกครั้งที่ทำให้ผมเข้าใจว่า ผมสามารถเข้าถึงบทบาทได้ง่ายขึ้น และเติบโตในความเป็นนักแสดงมากขึ้นเมื่อได้ร่วมงานกับทีมนักแสดงที่เก่งและเข้ากันได้ดีครับ น่าเสียดายที่โควิดทำให้พวกเราไม่สามารถจัดงานเลี้ยงปิดกล้องกันได้ แต่ละคนเลยมีวันสุดท้ายของการถ่ายทำไม่ตรงกัน แต่เราก็สัญญากันแล้วครับว่าสถานการณ์ดีขึ้นเมื่อไหร่เราจะมารวมตัวฉลองด้วยกัน” | คลิกเพื่อชม: ซีรีส์ Mouse พร้อมซับไทย
เมื่อถามถึงฉากประทับใจในเรื่อง อีซึงกิ ก็ได้เลือกฉากในตอนสุดท้ายของเรื่อง ที่เป็นการพบกันของ จองบารึม และ โกมูจี ในสถานะที่เปลี่ยนไป
“ฉากที่ประทับใจที่สุดคือ ฉากสุดท้ายของ จองบารึม กับ โกมูจี ที่ได้เจอกันในห้องเยี่ยมนักโทษครับ ฉากนี้เป็นครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกว่านี่มันไม่ใช่การแสดง แต่ผมกลายเป็น จองบารึม ที่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ เป็น 100% ที่ออกมาจากใจเลยครับ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายครับที่จะเกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้น ต้องขอบคุณคุณอีฮีจุนที่ทำให้ผมได้มีประสบการณ์แบบนี้ ผมคิดว่าเป็นเพราะการส่งอารมณ์ของเขาที่ทำให้ผมสามารถร้องไห้ออกมาแบบนั้นได้”
อีซึงกิ ได้ทิ้งท้ายว่าหลังจากนี้เขาอยากพักการรับบทซีเรียสๆ ลงด้วยงานแสดงในแนวโรแมนติก-ตลก แต่เขาก็ยังไม่รีบร้อนในการรับบทใดใดในตอนนี้ แต่จะใช้เวลาในการพิจารณาบทเพื่อเลือกงานที่เขาจะสามารถสื่อเรื่องเราให้เข้าถึงผู้ชม และมีพลอตที่น่าสนใจ คอยติดตามอัปเดตกิจกรรมของ อีซึงกิ กันได้
Source 1