เปิดดีเทลตัวละครของ จินยอง GOT7 ในซีรีส์ Yumi‘s Cells 2 – ‘ยูบาบิ’ เวอร์ชันอัพเกรด
การออกอากาศของซีรีส์ Yumi’s Cells ในซีซันที่ 2 ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว ซึ่งในซีซันนี้ เราจะได้โฟกัสไปกับตัวละคร ‘ยูบาบิ’ ที่มารับบทโดย จินยอง สมาชิกวง GOT7 กันมากยิ่งขึ้น หลังจากที่เขาได้มาปรากฎตัวในซีซันแรก ซึ่งในซีซันที่ 2 นี้เขาจะมาพร้อมกับภาพลักษณ์ที่อัพเกรดขึ้น
ซีรีส์ Yumi’s Cells ดัดแปลงมาจากเว็บตูนยอดนิยมในชื่อเดียวกันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหญิงสาวพนักงานออฟฟิศธรรมดาๆ ที่มีชื่อว่า “ยูมิ” รับบทโดย ‘คิมโกอึน’ และเซลล์สมองของเธอที่ควบคุมทุกอย่างไม่ว่าจะความคิด, ความรู้สึกและการกระทำ เธอเป็นผู้หญิงธรรมดาที่พยายามแสดงความรู้สึกต่างๆ ออกกมา ซึ่งในซีซันที่ 2 “ยูบาบิ” รับบทโดย ‘จินยอง GOT7‘ เพื่อนร่วมงานที่ทรงเสน่ห์ของ ยูมิ ที่จะทำให้เหล่าเซลล์ของเธอต้องปั่นป่วนวุ่นวายกันอีกครั้งกับความรักครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้น
ความฮาแบบ BABYMONSTER! วัดสกิลวาไรตี้กับ Knowing Brothes ดูได้ที่ Viu ▶ คลิก
ล่าสุดทางทีมโปรดัคชันนของซีรีส์ก็ได้เปิดเผยรูปและคลิปทีเซอร์ของ ยูบาบิ ออกมาเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับเปิดเผยรายละเอียดแรกของตัวละครตัวนี้ ที่เป็นชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความหล่อ และความมีเสน่ห์ ในตัวอย่างที่ถูกปล่อยออกมา ยูบาบิ ได้สร้างความประทับใจให้กับตัวยูมิและเหล่าเซลล์ต่างๆ ทำให้ยูมิปรับเปลี่ยนทัศนคติต่างของเธอที่มีต่อเพื่อนร่วมงานได้
จินยอง ยังแสดงถึงภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบในรูปแบบของเสน่ห์ที่ไม่มีที่สิ้นสุดของ ยูบาบิ ได้อีกด้วย ในตอนที่เขาพูดคุยกับยูมิเขาดูอ่อนโยนและมอบรอยยิ้มให้ชวนใจสั่น ในรูปที่ยูบาบิถือหนังสืออยู่สามารถแสดงถึงลักษณะของตัวละครที่มีความฉลาดและเต็มไปด้วยความรู้สึก
การปรากฎในซีซั่นแรกของ ยูบาบิ เขาได้แสดงให้เห็นถึงความตรงไปตรงมาและกล้าที่จะเผชิญกับความรัก แม้ว่าเขาจะใจดี สุภาพและเอาใจใส่อยู่เสมอและในซีซั่น2 เขาจะแสดงภาพลักษณ์ที่อัพเกรดของยูบาบิที่เริ่มเข้าหายูมิด้วยความโรแมนติก
ผู้กำกับ ‘Yumi’s Cells 2’ ยังฝากอีกว่า “ฝากติดตามผลงานของ พัคจินยอง ที่เขาจะมาเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวละคร ยูบาบิ ในซีซัน 2 จะทำให้ได้เห็นเสน่ห์ใหม่ๆ ของเขา และ ในการเปิดตัวเหล่าเซลล์ของเขา ก็จะทำให้ผู้ชมได้สัมผัสความตื่นเต้น และความสนุกสนานในอีกเรื่องราวหนึ่งของซีรีส์เรื่องนี้”
Yumi’s Cells 2 เริ่มออกอากาศทางช่อง TVING ในวันที่ 10 มิถุนายน นี้
Source 1