‘แอชิน→นาฮีโด’ คิมแทรี ย้อนมองจุดเปลี่ยนบนเส้นทางนักแสดง

คิมแทรี ยังคงได้รับความสนใจในผลงานการแสดงของเธออย่างต่อเนื่อง หลังจากการรับบท นาฮีโด ในซีรีส์ Twenty Five, Twenty One เธอก็ได้เปลี่ยนลุค ปรับคาแรคเตอร์ทันทีในภาพยนตร์เรื่อง Alienoid ที่จะเข้าฉายในเกาหลีสัปดาห์นี้
ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสื่อในเกาหลี คิมแทรี ได้ย้อนมองถึงเส้นทางการแสดงของเธอ ที่เต็มไปด้วยบทที่หลากหลาย และทำให้เธอได้พบกับจุดเปลี่ยนสำคัญจากบทของ คุณหนูแอชิน ในเรื่อง Mr. Sunshine มาจนถึงบทของ นาฮีโด ใน Twenty Five, Twenty One
🎙GYUBIN ปลื้มเมืองไทยขนาดไหน? ถึงกลับมาถ่าย MV เพลงใหม่ LIKE U 100 ที่กรุงเทพ
▶ คลิกดูสัมภาษณ์พิเศษ“บทแอชิน ใน Mr. Sunshine สิ่งที่ฉันตั้งใจคือการแสดงออกมาให้ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ดูเท่ค่ะ ฉันเน้นในจุดนี้มาก ฉันเลยพยายามทำภาพลักษณ์ของฉันให้เป็นแบบนั้นและแสดงมันออกมา จริงๆ แล้วบทนี้เป็นบทที่ไม่ค่อยต้องใช้เสียงในการแสดงมากเท่าไหร่ ด้วยคาแรคเตอร์ของตัวละครที่ต้องเก็บความรู้สึกไว้ข้างในทำให้ฉันต้องจำกัดการแสดงออกเอาไว้ด้วยเช่นกัน”
“พอมาถึงเรื่อง Space Sweeper ก็จะเป็นภาพที่แตกต่างออกไปเลย แล้วตัวบทเองก็มีข้อจำกัดที่ทำให้ฉันต้องถ่ายทอดตัวละครออกมาแบบนั้น ที่สำคัญคือตัวละครตัวนี้ไม่ใช่คนที่ต้องแสดงออกมาให้ดูงดงามค่ะ กัปตันจาง จะเป็นตัวละครที่ดูเท่ ออกเสียงเวลาพูดดังฟังชัดเจน ซึ่งถ้าฉันพูดตามเสียงปกติแล้ว ตัวละครตัวนี้จะหาความเท่ไม่เจอเลยค่ะ เพราะเสียงของฉันมันไม่เท่เลยจริงๆ .. แต่เอาเข้าจริงๆ ฉันก็ไม่ได้กังวลขนาดนั้นค่ะ เพราะว่าตัวฉันเท่อยู่แล้ว (หัวเราะ)”
เมื่อถึงเรื่องราวของซีรีส์ Twenty Five, Twenty One คิมแทรี ก็ได้ยกให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่พาเธอไปสู่เรื่องราวบทใหม่ในชีวิต “ในเรื่อง Twenty Five, Twenty One มีจุดที่ฉันผิดพลาดในการถ่ายทำอยู่หลายครั้งค่ะ จนฉันรู้สึกกดดันและบอกกับตัวเองว่าจะต้องไม่พลาดอีกแล้ว แค่ด้วยความผิดพลาดที่เกิดขึ้นก็เหมือนกับว่าฉันโชคดีค่ะ เพราะว่าฉันสามารถกลับมามั่นใจได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็ถ่ายทำเรื่องนี้ออกมาได้สำเร็จ ซึ่งการทำงานในเรื่องนี้ทำให้ฉันได้สัมผัส คิมแทรี ที่ต่างออกไป ด้วยประสบการณ์จากความผิดพลาดเหล่านั้น”
คิมแทรี ได้ทิ้งท้ายถึงเรื่องนี้ว่า “ตอนนี้เหมือนกับว่าฉากที่ 2 ของชีวิตฉันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว อาจเรียกได้ว่าการแสดงใน The Handmaiden และ Mr. Sunshine เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ฉันเป็นที่รู้จักขึ้นมา แต่ใน Twenty Five, Twenty One เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่พาฉันไปอยู่ในจุดใหม่ค่ะ”