สัมภาษณ์พิเศษ: อีดงอุค-อีจูบีน-อีกวางซู-อีดาฮี ‘The Divorce Insurance’ ประกันการหย่าร้าง กับชีวิตคู่ที่ไม่มีอะไรแน่นอน
The Divorce Insurance ซีรีส์แนวโรแมนติกคอเมดี้ ที่ตั้งคำถามกับแนวคิดเรื่องความมั่นคงของชีวิตคู่ ผ่านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ไม่เคยมีมาก่อน—”ประกันการหย่าร้าง” บนเส้นเรื่องของตัวละครหลักอย่าง โนกีจุน (อีดงอุค) ชายผู้เคยล้มเหลวในการแต่งงานถึงสามครั้ง และต้องจ่ายค่าชดเชยจนแทบล้มละลาย จึงเกิดไอเดียสุดแปลกในการออกกรมธรรม์เพื่อป้องกันความเสียหายจากการหย่าร้าง
แต่ไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจเท่านั้น เพราะซีรีส์ยังนำเสนอเรื่องราวของตัวละครที่มีปมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ คังฮันดึล (อีจูบีน) นักวิเคราะห์กรมธรรม์ที่เพิ่งหย่าหมาดๆ จอนนาแร (อีดาฮี) รองประธานฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เคยเป็นอดีตภรรยาของกีจุน และ อันจอนมัน (อีกวางซู) ผู้ประเมินความเสี่ยงที่ต้องเผชิญกับปมการหย่าของตัวเอง พวกเขาทั้งหมดร่วมกันสร้างผลิตภัณฑ์ที่ท้าทายความเชื่อเดิมของสังคม ขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับคำถามส่วนตัวเกี่ยวกับ “รักแท้” และ “การแต่งงานที่มั่นคง”
สัมภาษณ์นักแสดง: ประกันความรักหรือประกันความเสียหาย?
อีดงอุค: การหย่าร้าง 3 ครั้งของโนกีจุน
อีดงอุคกล่าวว่า แม้ว่าเขาจะยังโสดในชีวิตจริง แต่การแสดงเป็นโนกีจุนทำให้เขาได้เข้าใจแง่มุมที่แตกต่างของชีวิตแต่งงานและการหย่าร้างมากขึ้น
🎙GYUBIN ปลื้มเมืองไทยขนาดไหน? ถึงกลับมาถ่าย MV เพลงใหม่ LIKE U 100 ที่กรุงเทพ
▶ คลิกดูสัมภาษณ์พิเศษ“ตัวละครที่ผมรับบทคือ โนกีจุน ทำงานเป็นนักออกแบบกรมธรรม์ประกันภัยครับ เขาผ่านการแต่งงานและหย่ามาแล้วถึง 3 ครั้ง ทำให้เขาเข้าใจถึงความหมายของการหย่าร้างเป็นอย่างดี จึงเกิดแนวคิดที่จะสร้างประกันการหย่าร้างขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ผมเคยแสดงเป็นทั้งยมทูตและจิ้งจอกเก้าหางมาก่อน ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่มีประสบการณ์จริงๆ ในเรื่องพวกนั้น ดังนั้นสิ่งที่สำคัญไม่ใช่ประสบการณ์ส่วนตัว แต่เป็นการตีความบทละครและถ่ายทอดให้ผู้ชมเข้าใจและเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครมากกว่าครับ”
แล้วถ้ามีประกันการหย่าจริงๆ เขาจะซื้อไหม? “แน่นอนครับ ผมเล่นเรื่องนี้ ก็ต้องซื้อสิครับ” อีดงอุคตอบอย่างติดตลก
อีจูบีน: ฮันดึลและการเปลี่ยนแปลงตัวเองหลังหย่าร้าง
ตัวละครของอีจูบีนคือหญิงสาวที่เคยถูกครอบครัวสามีกดดันเพราะปัญหาการมีลูก และการหย่ากลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอเข้มแข็งขึ้น ฮันดึลเป็นตัวละครที่สะท้อนให้เห็นว่าบางครั้ง การหย่าร้างอาจไม่ใช่จุดจบ แต่มันคือโอกาสในการเริ่มต้นใหม่
“คังฮันดึล เป็นนักวิเคราะห์เงื่อนไขกรมธรรม์ในบริษัทประกันภัย เพิ่งหย่ามาไม่นาน และการหย่าสำหรับเธอมีความหมายมากกว่าคนอื่นๆ และในเรื่องเธอมีนิสัยที่แคร์คนอื่นและเข้าอกเข้าใจผู้อื่นมาก มีความอดทนสูง แต่หลังจากการหย่าก็พยายามเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่เข้มแข็งและเยือกเย็นขึ้นค่ะ”
เธอจะซื้อประกันการหย่าร้างไหม? “แม้ว่าฉันจะยังไม่ได้แต่งงาน แต่ฉันคิดว่าประกันการหย่าร้างอาจเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อช่วยให้ชีวิตแต่งงานมีความสุขมากขึ้น เพราะความเสี่ยงที่เกิดจากการหย่าร้างนั้นสูงมาก และหลายคนอาจต้องทนอยู่กับคู่ชีวิตที่ไม่เข้ากันไปตลอดชีวิต เพียงเพราะกลัวผลกระทบจากการหย่า ซึ่งนำไปสู่ความเครียดและบาดแผลทางใจที่ลึกขึ้นเรื่อยๆ ฉันคิดว่าหากมีประกันประเภทนี้ มันอาจช่วยบรรเทาความกังวลและลดภาระทางอารมณ์ของคนที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ได้ค่ะ”
อีดาฮี: จอนนาแร อดีตภรรยาผู้เข้มแข็งที่กลับมาเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ
อีดาฮีแสดงเป็น จอนนาแร อดีตภรรยาคนแรกของกีจุนที่กลับมาทำงานร่วมกับเขา “นาแรเป็นคนที่เชื่อในตรรกะและตัวเลขมากกว่าความรัก แต่เมื่อเธอได้ทำงานเกี่ยวกับประกันการหย่าร้าง เธอกลับเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง” อีดาฮีเผย
อีดาฮีรับบทตัวละครหญิงแกร่งมาแล้วหลายเรื่อง แต่บท ‘นาแร’ มีอะไรพิเศษจากบทบาทที่เคยแสดงมา
“จริงๆ แล้ว บทบาทที่ฉันเคยแสดงมาก่อนหน้านี้ไม่ได้แตกต่างจากบทนี้แบบสุดขั้วขนาดนั้นค่ะ แต่ครั้งนี้ฉันอยากให้ตัวเองดูแตกต่างออกไปสักหน่อย เลยตัดสินใจตัดผมเพื่อแสดงบทนี้ ฉันตัดผมเป็นครั้งแรกในรอบ 10 กว่าปีเลย ปกติฉันไว้ผมยาวมาตลอด แต่เพื่อให้ตัวละครนาแรดูมีเอกลักษณ์และความสดใหม่ ฉันจึงเลือกเปลี่ยนลุคแบบนี้ค่ะ ส่วนเรื่องการแสดงและคาแรกเตอร์ ฉันรู้สึกว่าเสียงพูดและภาพลักษณ์ของฉันเข้ากับตัวละครนาแรอยู่แล้ว เลยรู้สึกว่าโชคดีมากๆ ค่ะ แค่พยายามปรับภาพลักษณ์ให้ดูแตกต่างออกไปเล็กน้อยเท่านั้นเอง”
อีกวางซู: อันจอนมัน ตัวละครขี้กลัวที่ทำให้คนดูหลงรัก
อีกวางซูรับบทเป็น อันจอนมัน ผู้ประเมินความเสี่ยงของบริษัทประกันภัย Plus Insurance และเป็นเพื่อนสนิทของกีจุน “จอนมันเป็นคนที่ระมัดระวังและขี้กลัวมาก ซึ่งทำให้เขาตลกแบบเป็นธรรมชาติ” อีกวางซูเผยว่าหลายฉากในซีรีส์เกิดจากการอิมโพรไวส์ ทำให้บทของเขามีมิติและความสมจริงมากขึ้น
“แทนที่ผมจะพยายามทำให้มันตลก ผมกลับรู้สึกว่าประโยคที่ผมพูดในบทมันตลกมากอยู่แล้ว ผมจึงพยายามไม่ทำอะไรที่เกินไป แค่ถ่ายทอดความตลกตามที่ผมรู้สึกจริงๆ ออกมาให้ผู้ชมได้สนุกไปกับมันครับ นอกจากนี้ในกองถ่าย พี่ดงอุค รวมถึงนักแสดงทุกคน ไปจนถึงผู้กำกับ ทุกคนต่างทำให้บรรยากาศในกองถ่ายเป็นไปอย่างอิสระและสบายๆ เราจึงสามารถอิมโพรไวส์รายละเอียดของตัวละครเข้าไปได้เยอะ และหลายๆ ฉากก็ออกมาสมจริงและมีมิติมากขึ้นกว่าที่อยู่ในบทละคร มีหลายฉากที่พัฒนาขึ้นจากตอนซ้อม และทำให้เนื้อหามีความสนุกมากขึ้น ผมคิดว่าซีรีส์ที่ตัดต่อและออกอากาศจริงน่าจะออกมาสนุกกว่าที่คาดไว้ ซึ่งผมก็ตั้งตารอมากๆ ครับ”
เมื่อประกันการหย่าร้างเป็นเรื่องจริงได้ แล้วประกันอย่างอื่นละอยากให้มีอะไร?
ในช่วงสัมภาษณ์ นักแสดงถูกถามว่า ถ้าประกันการหย่าร้างมีอยู่จริง แล้วประกันอย่างอื่นที่อยากให้มีอีกคืออะไร
อีดาฮี: ในบทของ นาแร ที่ฉันแสดง มีประโยคหนึ่งที่บอกว่า “ถ้ามีประกันที่สามารถชดเชยคำพูดแย่ๆ ด้วยคำพูดดีๆ ก็คงจะดีนะ” เพราะเวลาที่คนเราพูดออกไป บางครั้งอาจเผลอพูดทำร้ายจิตใจคนอื่นโดยไม่ตั้งใจ และคำพูดก็สามารถทำร้ายคนได้อย่างรุนแรงเลย ดังนั้นถ้ามีประกันที่สามารถชดเชยคำพูดแย่ๆ ด้วยคำพูดดีๆ ได้ ก็คงจะเป็นสิ่งที่ดีมาก ฉันเลยคิดว่าประกันแบบนี้น่าจะมีประโยชน์มากเลยค่ะ
อีดงอุค: อันนี้ก็เป็นสิ่งที่อยู่ในซีรีส์ของเราเหมือนกันครับ ผมคิดว่าถ้ามีประกันเกี่ยวกับศักดิ์ศรีก็คงจะดี ที่จริงแนวคิดของประกันนี้คล้ายกับประกันคำพูดแย่ๆ เพราะในชีวิตเราต้องเจอกับเรื่องที่ทำให้เสียศักดิ์ศรีหรือเจ็บปวดทางจิตใจอยู่บ่อยๆ ถ้ามีประกันที่สามารถชดเชยหรือเยียวยาความรู้สึกเหล่านั้นได้ ก็คงจะดีไม่น้อยครับ
อีดาฮี: แล้วก็กวางซูชอบบอกว่าอยากให้มีประกันอวกาศ
อีกวางซู: ไม่ใช่ผมครับ แต่เป็นตัวละคร อันจอนมัน ที่ผมแสดงต่างหาก จริงๆ แล้วผมเองไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับอวกาศมากนัก แต่มันเป็นบทพูดของตัวละครของผมเองครับ
อีจูบีน: ฉันมีอย่างหนึ่งค่ะ ฉันคิดว่าควรมี “ประกันสำหรับกรณีที่ประกันไม่คุ้มครองตามประกัน” เพราะว่าบางครั้งเงื่อนไขของประกันมักจะเข้มงวดเกินไป และการชดเชยหรือการดูแลก็ไม่เพียงพอเท่าที่ควร ฉันเลยคิดว่าน่าจะมีประกันที่คุ้มครองในกรณีที่ประกันไม่สามารถให้ความคุ้มครองได้ค่ะ
อีดงอุค: อ่า ประกันที่ประกันให้อีกขั้น
อีกวางซู: ประกันประกัน
อีดาฮี: แปลกใหม่มาก
อีกวางซู: เหมือนท้องอืดเพราะยาแก้ท้องอืดและทานยาแก้ท้องอืดอีกที (ทุกคนหัวเราะ)
The Divorce Insurance ไม่ใช่แค่เรื่องของการหย่า แต่มันคือเรื่องของชีวิต
แม้ว่าหัวใจหลักของซีรีส์จะเป็นเรื่องของประกันภัยที่ดูเหมือนเป็นเรื่องธุรกิจ แต่ The Divorce Insurance กลับนำเสนอเรื่องราวของชีวิตคู่ การเรียนรู้จากอดีต และการเข้าใจความหมายของความรัก ซีรีส์ตั้งคำถามกับแนวคิดที่ว่า “รักแท้ต้องไม่มีวันเลิกรา” และเสนอว่าบางครั้ง “ความรักที่ดี อาจหมายถึงการรู้ว่าเมื่อไหร่ควรปล่อยมือ”
หากคุณกำลังมองหาซีรีส์ที่ทั้งตลก อบอุ่น และท้าทายความเชื่อเดิมเกี่ยวกับความรัก The Divorce Insurance จะเป็นซีรีส์ที่คุณไม่ควรพลาด
เตรียมพบกับซีรีส์ที่ทำให้คุณคิดใหม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ วันที่ 31 มีนาคม ที่ Prime Video
