
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคำว่า ‘ซาแจกิ’ ถูกพูดถึงมาโดยตลอดซึ่งในปัจจุบันคำๆนี้ถูกใช้แทนความหมายของการโกงชาร์ตเพลงไปแล้ว
เป็นเวลากว่า 6 ปีแล้วที่เรื่องราวของ ซาแจกิ ถูกพูดถึงและสร้างความปั่นป่วนให้กับวงการเพลงเกาหลี แต่ถึงแม้จะมีการกล่าวอ้างและมีการตรวจสอบ จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการพบตัวผู้กระทำผิดที่แท้จริง หรือมีหลักฐานที่ชี้ชัดว่าเกิดการกระทำผิดขึ้น
เริ่มตั้งแต่ช่วงปี 2014-2015 จากประเด็นยอดขายอัลบัมของศิลปินในค่ายเล็กที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีอันดับแซงหน้าวงระดับท็อปของวงการ KPOP ที่ทำให้เกิดการตั้งข้อสงสัยไปต่างๆนานาว่าอาจจะมีการโกงยอดขายด้วยการทุ่มเงินซื้ออัลบัมของตัวเองเพื่อให้มียอดขายแสดงในระบบมากขึ้นและสร้างภาพให้เห็นถึงความนิยมของวงที่สูงขึ้น
🎙GYUBIN ปลื้มเมืองไทยขนาดไหน? ถึงกลับมาถ่าย MV เพลงใหม่ LIKE U 100 ที่กรุงเทพ
▶ คลิกดูสัมภาษณ์พิเศษไปจนถึงการอ้างว่ามีการโกงอันดับบนชาร์ตสตรีมมิงด้วยการใช้บริษัทในจีนที่เปิดฟาร์มโทรศัพท์มือถือใหญ่ขนาดโรงงานเพื่อเพิ่มยอดผู้ฟังเพลงจนทำให้ยอดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และหนึ่งในภาพที่สื่อเกาหลีได้เปิดเผยออกมาคือภาพของชั้นวางมือถือที่เปิดหน้าจอแอปเดียวกันวางเรียงรายอยู่บนชั้น ซึ่งขในตอนนั้นเองประเด็นนี้ก็กลายเป็นข่าวใหญ่ที่สื่อทุกสำนักได้นำเสนอถึงจนกลายเป็นกระแสทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์และทำให้ศิลปินจำนวนไม่น้อยถูกพาดพิงว่าเป็นส่วนหนึ่งของการโกงชาร์ตเพลงด้วยวิธีดิจิตัลซาแจกิ
แต่ถึงแม้จะมีการตั้งข้อสงสัย และมีการรายงานข้อมูลออกมา ในปัจจุบันก็ยังไม่มีการชี้ชัดว่าการกระทำเหล่านี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ และยังไม่มีการพิสูจน์ชี้ชัดว่าเพลงใด อัลบัมใด หรือศิลปินใด ที่ใช้วิธีการเหล่านี้เพื่อเพิ่มอันดับในชาร์ตต่างๆ
ล่าสุดคืนวันที่ 4 มกราคม รายการ Unanswered Questions ทางช่อง SBS ได้นำเสนอสกูปพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้ พร้อมกับสัมภาษณ์ศิลปินและคนในอุตสาหกรรมเพลงที่ให้ข้อมูลกับพวกเค้าว่าเคยได้รับการติดต่อจากบริษัทที่รับทำ ‘ซาแจกิ’ จริง พร้อมกับเปิดเผยวิธีการที่พวกเค้าได้รับทราบมา
Sultan of the Disco วงดนตรีดิสโก้ชื่อดังของเกาหลีที่อยู่ในวงการเพลงมานานกว่า 15 ปี ได้ให้ข้อมูลว่า
“พวกเราปล่อยอัลบัมออกมาเมื่อช่วงซัมเมอร์ ซึ่งในตอนนั้นเราก็ได้รับข้อเสนอมาว่าพวกเค้าสามารถทำให้เพลงของเราไวรัลได้ และสามารถทำให้เพลงของพวกเราขึ้นไปอยู่ในชาร์ตระดับ TOP30 ได้”
ซึ่งผลประโยชน์ที่คนกลุ่มนี้เรียกรับคือส่วนแบ่งกำไร 70-30 และจะใช้เวลาประมาน 1 ปีถึง 1 ปีครึ่งในการจัดการเรื่องนี้
MALVO อีกหนึ่งศิลปินที่ปล่อยผลงานเพลงออกมาเมื่อช่วงปี 2019 ก็ได้ให้ข้อมูลถึงเรื่องนี้ว่า
“มีคนมาถามผมว่าพอใจแล้วหรือยังกับผลของการโปรโมตอัลบัมที่ผ่านมา แล้วก็บอกว่าพวกเค้าสามารถเพิ่มอันดับบนชาร์ตเพลงให้ได้และสามารถทำให้เพลงเป็นที่นิยมยิ่งขึ้นทำให้คนร้องเพลงนี้กันได้ทั่ว”
คนกลุ่มนี้ยังได้ให้คำแนะนำกับ MALVO ว่าควรเลือกเพลงจังหวะกลางๆ แนวบัลลาด หรือเพลงที่มีเนื้อหาโดนใจในการใช้วิธีนี้เพิ่มอันดับชาร์ต และจะไม่เกิดปัญหาหรือถูกสงสัยแน่นอน
และที่เป็นประเด็นมากที่สุดคือข้อมูลจาก Tiger JK เจ้าพ่อวงการฮิปฮอปของเกาหลีที่คลุกคลีกับวงการเพลงทั้งด้านการเป็นศิลปินและการเปิดค่ายเพลงด้วยตัวเอง
“ผมคิดว่า ซาแจกิ มันมีอยู่จริงๆ เพราะเมื่อนานมาแล้วเราเองก็เคยได้รับข้อเสนอแบบนี้อยู่ตลอด ซึ่งวิธีที่พูดถึงกันมันก็ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์อะไรสำหรับผม เพราะข้อเสนอที่ผมเคยได้ยินมามันน่าตกใจกว่ามาก พวกเค้าบอกว่าถ้าร่วมงานกับเค้าเราจะไม่มีทางถูกจับได้แน่นอน และพวกเค้าสามารถทำให้เพลงขึ้นไปอยู่อันดับ 1 ได้
ในตอนนั้นพอผมรับรู้เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงได้ ผมก็เลยพูดบอกใบ้ถึงเรื่องนี้ลงไปในเพลง 이런 건가요 (I Know) เนื้อเพลงท่อนคอรัสผมตั้งใจจะบอกว่าราคาที่คนพวกนั้นเสนอมาคือ 100 ล้านวอน”
Tiger JK ยังได้เปิดเผยหนึ่งในวิธีที่เค้าได้รู้มาคือการขวางทางเพลงคู่แข่ง ซึ่งพวกเค้าจะพยายามทำให้ความนิยมของเพลงที่มองว่าเป็นคู่แข่งอ่อนแรงลงด้วยการดันเพลงอื่นๆในชาร์ตอย่างเพลงบัลลาดอีก 3 เพลงขึ้นมาในวันที่เพลงคู่แข่งถูกปล่อย ซึ่งคนที่ได้รับผลกระทบจากวิธีการนี้คือ ยุนมิเร ภรรยาของเค้าที่ผลงานเพลงของเธอถูกวางเป้าว่าเป็นเพลงคู่แข่ง
หนึ่งในเจ้าหน้าที่ของค่ายเพลงที่เคยได้รับข้อเสนอ ได้ให้ข้อมูลว่าอันดับของเพลงบนชาร์ตขึ้นอยู่กับปริมาณเงินที่จ่าย ถ้าหากอยากให้เพลงขึ้นอันดับ 1 หรือเพลงอยู่ในระดับ TOP 5 นานหนึ่งเดือนจะต้องจ่ายเงินประมาณ 200-300 ล้านวอน
หลังจากที่รายการถูกเผยแพร่ออกมาศิลปินจำนวนไม่น้อยได้แสดงออกถึงความน่าผิดหวัง และไม่พอใจกับสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นในวงการเพลงเกาหลีพร้อมกับเรื่องร้องให้เพื่อศิลปินอย่าเลือกวิธีการเหล่านี้เพื่อสร้างชื่อเสียง และอย่าให้ความร่วมมือกับกลุ่มคนที่เสนอวิธีการเหล่านี้เข้ามา