ฮวาซา ‘MAMAMOO’ เล่าถึงบทเพลงที่แต่งจากความรู้สึกที่ถูกมองว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี
ฮวาซา ‘MAMAMOO’ เล่าถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอเลือกเดินบนเส้นทางของการเป็นนักร้อง และช่วงเวลาอันยากลำบากบนเส้นทางนี้ที่เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงของเธอ
เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ฮวาซา ร่วมเปิดใจและพูดคุยในฐานะแขกรับเชิญใน Stopping on the Road Once in a While รายการท่องเที่ยวฮีลลิ่งที่จะพาทุกคนออกเดินทางท่องเที่ยวรอบๆ กรุงโซล กับโฮตส์ประจำรายการอย่าง อีซอนฮี และ อีกึมฮี
ความฮาแบบ BABYMONSTER! วัดสกิลวาไรตี้กับ Knowing Brothes ดูได้ที่ Viu ▶ คลิก
ในรายการ ฮวาซา ได้เปิดเผยถึงเหตุผลที่เธอตัดสินใจเลือกเดินบนเส้นทางของการเป็นนักร้องว่า “ฉันชอบเสียงเพลงมากเลยค่ะ แล้วมันก็มีความคิดหนึ่งเกิดขึ้นกับฉันตอนเด็กๆ เพราะพ่อกับแม่ของฉันท่านทำงานทั้งคู่ก็เลยไม่ค่อยได้มาที่โรงเรียนของฉันบ่อยนัก ฉันเลยคิดว่าถ้าฉันได้ขึ้นแสดงบนเวทีพวกท่านคงจะมาดูการแสดงของฉัน ซึ่งพวกท่านก็มาเพียงครั้งเดียวจริงๆ ค่ะ”
ฮวาซา ยังเปิดเผยถึงความรู้สึกในการอยู่บนเวทีมามากกว่า 8 ปีอีกว่า “ฉันคิดว่าฉันทำทุกอย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว และฉันก็ไม่รู้สึกเสียดายเวลาเลยค่ะ แต่ถึงจะรู้สึกอย่างนั้นฉันก็ยังคิดว่าตัวฉันเองยังคงมีจุดที่ไม่สมบูรณ์แบบอยู่ และฉันอยากที่จะปรับปรุงและทำมันให้ดีขึ้นค่ะ”
นอกจากนี้ อีซอนฮี โฮสต์ในรายการยังได้ถามถึงเรื่องราวบทเพลง ‘Maria’ ของ ฮวาซา ที่เธอเคยฟัง และพอเธอลองฟังและดูเนื้อเพลงอย่างละเอียดแล้ว เธอก็พบว่าเนื้อเพลงมีการสื่อถึงเรื่องราวความเจ็บปวดไว้ด้วย
ซึ่ง ฮวาซา ได้เปิดเผยว่า เธอเขียนเนื้อเพลง ‘Maria’ ในช่วงเวลาที่เธอต้องเผชิญกับความรู้สึกยากลำบาก และได้ใส่ความรู้สึกของเธอลงไปในบทเพลงด้วย เธอยังบอกอีกว่า “มีหลายคนคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ไม่ดี เพียงเพราะแค่พวกเขามองฉันจากภาพภายนอก และการแต่งหน้าของฉันเองที่ดูแตกต่างออกไป พวกเขาทำให้ฉันเขียนเพลงนี้ขึ้นมาด้วยความคิดที่ว่าที่ว่า ‘ถ้าฉันร้องไห้ก็คงดีใช่ไหม’, ‘แค่เจ็บปวดก็พอใจใช่ไหม’, ‘งั้นฉันจะร้องไห้เอง’ และเพลงที่ชื่อว่า ‘Maria’ เป็นชื่อในทางคริสต์ศาสนาของฉันและยังเป็นเพลงที่ช่วยปลอบโยนฉันด้วยค่ะ”
ฮวาซา ยังได้ตอบถึงเรื่องราวที่เธออยากจะบอกเล่ากับสังคมในตอนนี้อีกว่า “ฉันเคยลองคิดหลายครั้งมากเกี่ยวกับปัญหาสังคมตามแบบของฉันเอง สังคมในแบบเดิมก็มีความสวยงามของมัน แต่ในทุกวันนี้ มีการให้ความสำคัญกับการตกแต่งรูปลักษณ์ภายนอกมากขึ้นเรื่อยๆ และฉันก็รู้สึกไม่ชอบตัวเองที่ได้รับอิทธิพลนั้นมาด้วยค่ะ”
Source 1