News

คิมซูฮยอน จัดแถลงทั้งน้ำตา ปฏิเสธข้อกล่าวหา “จะไม่ยอมรับสิ่งที่ไม่ใช่ความจริง” – ค่ายเตรียมฟ้อง

คิมซูฮยอนแถลงข่าวเคลียร์ทุกประเด็น ย้ำไม่เคยคบหาคิมแซรนขณะยังเป็นผู้เยาว์ เตรียมฟ้องกลับเต็มรูปแบบ

วันที่ 31 มีนาคม 2025 นักแสดงชื่อดัง คิมซูฮยอน ได้จัดงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเพื่อตอบโต้กระแสดราม่ารุนแรงที่เกิดขึ้นหลังการเปิดเผยจดหมายและข้อความแชทจากครอบครัวของ คิมแซรน อดีตนักแสดงผู้ล่วงลับ

เปิดเวทีด้วยคำขอโทษต่อทุกฝ่าย คิมซูฮยอนกล่าวว่า “มันเจ็บปวดมากที่ต้องเห็นผู้คนเดือดร้อนเพราะผม และยิ่งไปกว่านั้นคือผู้ล่วงลับไม่สามารถพักอย่างสงบได้” พร้อมยอมรับว่าเขาเคยปฏิเสธข่าวเดตเมื่อ 5 ปีก่อน ทั้งที่ความสัมพันธ์กับคิมแซรนเกิดขึ้นจริงในช่วงเวลานั้น โดยคบกันราวหนึ่งปี ก่อนจะเลิกราและไม่ติดต่อกันอีก

เขายืนยันชัดเจนว่า “ผมไม่ได้คบกับเธอในช่วงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ” และยังระบุอีกว่า ข้อความ KakaoTalk ที่ถูกเผยแพร่โดยครอบครัวผู้ล่วงลับนั้น “มีข้อผิดพลาดจำนวนมาก” เช่น ช่วงอายุ ระยะเวลาสัญญา และชื่อบริษัทที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง

🎙GYUBIN ปลื้มเมืองไทยขนาดไหน? ถึงกลับมาถ่าย MV เพลงใหม่ LIKE U 100 ที่กรุงเทพ

▶ คลิกดูสัมภาษณ์พิเศษ

เปิดใจ “ดารา” กับ “มนุษย์คิมซูฮยอน” เลือกอะไร?

คิมซูฮยอนเล่าถึงภาวะกดดันที่ต้องเลือกระหว่าง “มนุษย์ธรรมดา” กับ “ดาราชื่อคิมซูฮยอน” โดยยอมรับว่าเขาเลือกปกป้องภาพลักษณ์ของตัวเองเสมอ แม้จะรู้ว่ามันอาจทำให้ใครบางคนเจ็บปวด

“ทุกครั้งที่ต้องเลือกตัดสินใจ ผมตัดสินใจในฐานะ ‘นักแสดงคิมซูฮยอน’ ไม่ใช่ในฐานะมนุษย์ธรรมดา”

คำพูดนี้สะท้อนถึงความรู้สึกผิดที่เขาต้องปิดบังความสัมพันธ์ในอดีตกับคิมแซรน และปฏิเสธข่าวลือในช่วงที่ละคร Queen of Tears กำลังออกอากาศ แม้จะรู้ว่าความเงียบของเขาอาจสร้างความเข้าใจผิด แต่ในฐานะนักแสดงนำ เขามีสิ่งที่ต้อง “ปกป้อง” มากเกินกว่าจะเสี่ยงเปิดเผยความจริงในตอนนั้น

“ตอนที่ภาพถ่ายของผมถูกโพสต์ในช่วงที่ Queen of Tears กำลังออนแอร์ ผมคิดซ้ำ ๆ ว่า ‘บอกความจริงดีไหม? จะได้จบทุกอย่างเสียที’ แต่ผมก็ลังเลทุกครั้ง”

เขาบอกว่าเหตุผลที่ลังเลไม่ใช่เพราะกลัวเพียงอย่างเดียว แต่เพราะเขา คิดถึงผลกระทบที่จะเกิดกับทุกคนรอบตัว

เขาตั้งคำถามกับตัวเองว่า:

“ถ้าผมพูดความจริงตั้งแต่แรก คนรอบตัวผมจะเจ็บน้อยกว่านี้ไหม?”

“ในฐานะนักแสดงนำของละคร ผมมีอะไรหลายอย่างที่ต้องปกป้อง ตอนนั้นผมคิดว่า ถ้าออกมายอมรับว่าคบกับใครบางคนเมื่อหลายปีก่อน มันจะส่งผลยังไง?”

“ผมกลัวว่าทุกอย่างที่ผมพยายามปกป้องมันจะย้อนกลับมาทำร้ายทุกคน”

ในช่วงหนึ่งของแถลง เขาย้ำว่า:

“แม้จะกลับไปได้ ผมก็ยังคงเลือกแบบเดิม เพราะนั่นคือความรับผิดชอบของคนที่เลือกจะเป็น ‘คิมซูฮยอน’”

ถูกขู่–ถูกใส่ร้าย–ถูกบิดเบือน: วงจรความกลัวที่กินเวลาหลายเดือน

เขายังเล่าถึงความกลัวในแต่ละวัน ว่าหากเขายอมรับคำโกหกเพียงเพราะแรงกดดัน เขาจะกลายเป็นคนที่ทรยศต่อทุกคนที่เชื่อและรักเขาในฐานะ “มนุษย์” ไม่ใช่แค่ในฐานะดารา

“ผมถูกขู่ ว่าจะมีรูปอะไรหลุดออกมาอีก ถูกใส่ร้ายว่ากระทำสิ่งที่ไม่จริง และทำร้ายคนรอบข้างด้วยข่าวปลอมเหล่านี้ ผมไม่สามารถยอมรับคำโกหกให้กลายเป็นความจริงได้”

เขาบอกว่าความรู้สึกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ชั่วคราว แต่เป็น วงจรที่เกิดซ้ำซาก และส่งผลต่อสุขภาพจิตและคนรอบตัวอย่างรุนแรง

“ทุกครั้งที่เราชี้แจง ก็จะมี ‘คำให้การใหม่’ ถูกปล่อยออกมาทันที”
“ทุกครั้งที่เราพิสูจน์ว่าอะไรไม่จริง ก็จะมีรูปใหม่หรือข้อความแชทที่ถูกบิดเบือดปรากฎออกมาอีก”
“เป็นหลักฐานที่มี ‘การเปลี่ยนแปลงเวลาเหตุการณ์เล็กน้อย’ เพื่อทำให้เข้าใจผิด”

เขาเรียกสิ่งนี้ว่าเป็น “กระบวนการบิดเบือนความจริงโดยใช้ความเศร้าของครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นข้ออ้าง”
และเขารู้สึกว่าตนเองถูก กรอบให้เป็น “ฆาตกร” หรือ “นักล่าผู้เยาว์” โดยอาศัยข้อมูลเท็จเป็นเครื่องมือ

“ผมไม่สามารถยอมรับให้ความโกหกกลายเป็นความจริงได้ ไม่ว่าจะด้วยแรงกดดันมากแค่ไหน”

นี่คือคำพูดที่เขายืนยันหนักแน่น เพื่อแสดงให้เห็นว่า เขาจะไม่ยอมรับสิ่งที่ไม่เคยทำ ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร

โต้กลับด้วยหลักฐาน: ยืนยัน “ข้อความในแชท” ไม่ใช่เขา

ในแถลงข่าว คิมซูฮยอนได้เปิดเผยว่าได้ส่งข้อมูล KakaoTalk ทั้งจากปี 2016 และ 2018 ไปยังหน่วยงานตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ เพื่อพิสูจน์ว่า “บุคคลที่แชทกับคิมแซรนปี 2016 กับคนในปี 2018 ไม่ใช่คนเดียวกัน” ซึ่งผลการตรวจยืนยันข้อเท็จจริงนี้ชัดเจน

ครอบครัวของคิมแซรนได้นำ แชท KakaoTalk ที่อ้างว่าเป็นของคิมซูฮยอนกับคิมแซรนในปี 2016 และ 2018 ออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ โดยเฉพาะแชทปี 2016 ที่ถูกใช้กล่าวหาว่า คิมซูฮยอนเริ่มคบหากับคิมแซรนตั้งแต่เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ

อย่างไรก็ตาม คิมซูฮยอนระบุว่า:

“บุคคลที่สนทนาในแชทปี 2016 กับปี 2018 ไม่ใช่คนเดียวกัน และ ไม่ใช่ผม

เขาได้ดำเนินการอย่างเป็นทางการ โดยนำข้อความแชททั้งสองชุด พร้อมแชทที่เขาพูดคุยกับคนรู้จักในปี 2025 ส่งไปให้ หน่วยงานวิเคราะห์ภาษา ที่สามารถตรวจสอบรูปแบบการใช้คำและสำนวนส่วนบุคคลอย่างละเอียด

ผลวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ:

  • ผู้สนทนาในแชทปี 2016 และ 2018 มีรูปแบบภาษาที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
  • ผลสรุปทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า ไม่ใช่บุคคลคนเดียวกัน

คิมซูฮยอนจึงยืนยันว่า ข้อความแชทปี 2016 ที่ครอบครัวอ้างว่ามาจากเขานั้น เป็นของบุคคลอื่น และไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานในการกล่าวหาว่าเขาคบกับคิมแซรนตั้งแต่ยังเป็นผู้เยาว์ได้

นอกจากนี้ เขายังชี้ให้เห็นว่าข้อความบางส่วนในแชท มีข้อมูลผิดพลาด เช่น:

  • ปีของภาพที่แนบ – อ้างว่าเป็นปี 2016 แต่จริงคือปี 2019
  • อายุของเขาและของคิมแซรนที่ระบุไม่ถูกต้อง
  • ชื่อบริษัทที่คิมแซรนอยู่ และระยะเวลาสัญญา ที่ระบุผิดทั้งหมด

หลักฐานเสียงโทรศัพท์: ข้อพิสูจน์ที่สวนทางคำกล่าวหา

เขายังแสดงหลักฐานเสียงการสนทนา ที่แสดงความขัดแย้งระหว่างคำให้การของผู้บริหารค่ายสุดท้ายของคิมแซรน ซึ่งในอดีตเคยบอกว่าบริษัทของคิมซูฮยอนไม่ได้กดดันเรื่องหนี้ แต่กลับเปลี่ยนคำพูดภายหลังเมื่อตกเป็นประเด็นข่าว

คิมซูฮยอนเปิดเผยว่า หลังจากครอบครัวของคิมแซรนออกมาแถลงว่าต้นสังกัดของเขา (GOLDMEDALIST) ได้ส่ง “หนังสือทวงหนี้ฉบับที่สอง” ไปกดดันคิมแซรนในช่วงที่เธอกำลังลำบากจากคดีเมาแล้วขับ ผู้บริหารของค่ายสุดท้ายที่คิมแซรนอยู่ (ก่อนเสียชีวิต) ได้ให้สัมภาษณ์กับยูทูบที่สนับสนุนครอบครัวว่า เรื่องนี้เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คิมแซรนเครียดจนตัดสินใจจบชีวิต

อย่างไรก็ตาม คิมซูฮยอนได้เปิดเผยว่า มีหลักฐานเสียงการสนทนา ที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งปีก่อน ระหว่างผู้บริหารของค่ายสุดท้ายกับ CEO ของ GOLDMEDALIST โดยเนื้อหาในโทรศัพท์ตอนนั้น กลับขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับสิ่งที่ผู้บริหารคนเดิมให้สัมภาษณ์ในปีนี้

เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง คิมซูฮยอนจึงนำเสียงนี้มาเปิดในแถลงข่าว พร้อมชี้ให้เห็นว่า:

  • การกล่าวหาว่าเขาหรือค่ายกดดันคิมแซรนเรื่องหนี้ ไม่เป็นความจริง
  • บทสนทนาเสียงนั้นแสดงให้เห็นว่า ในอดีต ผู้บริหารค่ายสุดท้ายของคิมแซรนไม่ได้มองว่า GOLDMEDALIST มีความผิดหรือกดดันใด ๆ
  • แต่ปัจจุบันกลับเปลี่ยนแปลงคำพูดอย่างสิ้นเชิง จึงตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีวัตถุประสงค์แอบแฝง

ดำเนินคดีเต็มรูปแบบ: ฟ้องกลับครอบครัว-ยูทูบเบอร์-บุคคลลึกลับ

หลังจบแถลงข่าว ฝ่ายกฎหมายของคิมซูฮยอนโดย ทนายคิมจงบก ได้ออกแถลงการณ์เพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการยื่นฟ้องคดีอาญาและคดีแพ่งกับ 3 กลุ่มบุคคล ได้แก่

  • ครอบครัวของคิมแซรน
  • บุคคลไม่เปิดเผยชื่อที่อ้างว่าเป็น “ป้า” ของคิมแซรน
  • ผู้ดูแลช่อง YouTube และบริษัท HoverLab Inc.

โดยแจ้งความในข้อหา หมิ่นประมาทตามกฎหมายว่าด้วยการใช้เครือข่ายข้อมูลและการป้องกันข้อมูล

คดีนี้รวมถึง รายงานประเมินผลกระทบทางจิตใจ ของคิมซูฮยอน ที่ได้กล่าวถึงในแถลงการณ์ด้วย เพื่อยืนยันว่าเขาถูกกระทำให้เสียหายทั้งชื่อเสียงและสุขภาพจิต

คำปิดท้ายจากคิมซูฮยอน

“สิ่งที่ผมทำ ผมรับผิดชอบได้ แต่สิ่งที่ผมไม่ได้ทำ ผมจะไม่มีวันยอมรับ ผมจะพิสูจน์ทุกอย่างด้วยกฎหมาย เพื่อคนที่ยังเชื่อในตัวผม”

อ่านต่อ

Eddie Sophon

ผู้ก่อตั้งร่วมของ Hallyu K Star, โฮสต์พอดแคสต์ 'ดูซีรีส์ให้ซีเรียส' ผู้สนใจในวัฒนธรรมป๊อปของเกาหลี ทั้งเพลง-ซีรีส์-ภาพยนตร์ เลยเถิดไปถึงเรื่องสังคม เศรษฐกิจ และอาหารการกิน

Paranoid Android

บรรณาธิการอิสระ และนักเขียนที่สนใจเรื่องราว K-POP / K-DRAMA / K-CULTURE นิยมการเขียนมากกว่าการพูด

บทความเกี่ยวข้อง

ความฮาแบบ BABYMONSTER! วัดสกิลวาไรตี้กับ Knowing Brothers ดูได้ที่ Viu ▶ คลิก

Back to top button

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save