ฮอตซีรีส์: Move To Heaven ‘ทุกความตายมีเรื่องราว’

มักได้ยินอยู่เสมอ ว่าคนเราตายไปแล้วทรัพย์สินใดก็เอาติดตัวไปไม่ได้ ในทางกลับกันสิ่งของเหล่านั้นกลับกลายเป็นบันทึกเรื่องราวในยามที่เรามีชีวิตอยู่
Move To Heaven
무브 투 헤븐: 나는 유품정리사입니다
🎙GYUBIN ปลื้มเมืองไทยขนาดไหน? ถึงกลับมาถ่าย MV เพลงใหม่ LIKE U 100 ที่กรุงเทพ
▶ คลิกดูสัมภาษณ์พิเศษMove To Heaven คือ บริษัทเก็บกวาดที่เกิดเหตุ ที่ดำเนินงานโดยสองพ่อลูก ฮันจองอู (รับบทโดย จีจินฮี ผลงาน : Misty / Designated Survivor) และ ฮันกือรู (รับบทโดย ทังจุนซัง ผลงาน : Crash Landing on You / A Poem A Day) งานของพวกเขา คือการให้บริการ “การขนย้ายครั้งสุดท้าย” หลังจากที่เจ้าของห้อง/บ้าน ได้จากโลกนี้ไปแล้ว
วันหนึ่ง ฮันจองอู เสียชีวิตอย่างกะทันหัน ทำให้ กือรู ซึ่งจำเป็นต้องมีผู้ปกครอง ต้องอยู่ตัวคนเดียว แม้ว่าจะอายุ 20 แล้ว แต่ด้วยความพิเศษของกือรู ที่มีอาการของ Asperger Syndrome เขาจึงยังต้องมีผู้ดูแล ก่อนที่พ่อของเขาจะจากไป ได้เคยฝากให้ทนายช่วยติดต่อ โจซังกู (รับบทโดย อีเจฮุน ผลงาน : Signal / Taxi Driver / Where Stars Land) น้องชายของเขา ให้มาช่วยเป็นผู้ปกครองกือรู โจซังอูที่เพิ่งออกจากคุกจึงย้ายเข้ามาอาศัยกับหลานชาย และทำงานที่ Move To Heaven
รีวิว – review
ขณะที่ Taxi Driver ผลงานซีรีส์ของ อีเจฮุน ที่กำลังออกอากาศทางช่อง SBS กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ชมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก็ได้เวลาเหมาะที่ทาง Netflix จะปล่อยอีกผลงานที่แฟนคลับของเจฮุนเฝ้ารอ เพราะผลงานเรื่องนี้ มีข่าวออกมาตั้งแต่ปลายปี 2019 พูดได้ว่ารอกันมาเป็นปีๆ และ Move To Heaven ก็ออกมาดีงามสมการรอคอย
แน่นอนว่าซีรีส์เรื่องนี้เล่าเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์หลายรูปแบบ ผ่านเหตุการณ์สำคัญของชีวิตอย่าง “ความตาย” การตายหลายรูปแบบ นำไปสู่เรื่องราวเฉพาะตัวของผู้คน โดยในแต่ละตอน ทีมงาน Move To Heaven จะมีโอกาสได้ไปเรียนรู้ผ่านชีวิตของเจ้าของห้องที่พวกเขาต้องไปเก็บกวาด ขนย้าย
รูปแบบงานของ Move To Heaven ถือเป็นงานที่ยังใหม่ และยังไม่เป็นที่รู้จัก และเข้าใจมากนัก ความจริงแล้วซีรีส์เรื่องนี้ ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของคุณ คิมแชบยอล ซึ่งทำงานนี้เป็นคนแรกในประเทศเกาหลี
ใน 10 ตอนของซีรีส์เรื่องนี้ แทบทุกตอนเราจะได้เห็น “ห้อง” ที่เป็นดั่งตัวแทนของผู้ตายแต่ละคน การเข้าไปเก็บกวาด ทำความสะอาด และขนย้ายทุกสิ่งจนห้องว่างเปล่า เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวใน Move To Heaven เมื่อการอบรมมาอย่างดีของพ่อ และความสามารถพิเศษในการช่างสังเกตและความจำอันดีเลิศของลูกชาย ทำให้เขาไม่สามารถปล่อยผ่าน “ข้อความ” ที่ซ่อนอยู่ ที่เขาเจอจากการสังเกตข้าวของที่ “สำคัญ” ที่เขาได้รวบรวมไว้ใน “กล่องสีเหลือง” กล่องที่ทีม Move To Heaven จะส่งต่อให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิต (ถ้าหมอแบ็ค Partners for Justice จะ “สืบจากศพ” น้องกือรูก็ “สืบจากห้อง” แหละ)
เมื่อห้อง 1 ห้อง ถูกจัดเก็บจนเหลือเพียงกล่อง 1 กล่อง ไม่ว่าห้องที่เคยรกรุงรัง เต็มไปด้วยข้าวของที่สะสม กระทั่งขยะที่กองสุม หรือห้องที่เป็นระเบียบ ถูกจัดเก็บอย่างเรียบร้อย ต่างสามารถบรรจุได้ในกล่องสีเหลืองที่มีขนาดมาตรฐานของบริษัทอย่างน่าอัศจรรย์ ราวอยากบอกเราว่า สิ่งที่สำคัญในชีวิต แท้จริงไม่ได้มากมาย และสุดท้าย “ชีวิตก็เท่านี้”
ก่อนที่จะดูก็ทำใจไปล่วงหน้าว่าเรื่องนี้อาจจะทำให้อารมณ์ดิ่ง เพราะพูดเรื่องความตาย แต่พอมาดูจริง นอกจากความตลกและวุ่นวายในกลุ่มตัวละครหลักทั้ง 3 คือ คู่อาหลาน และสาวน้อยบ้านตรงข้าม ยุนนามู ที่รับบทโดย ฮงซึงฮี (ผลงาน Navillera) ที่มีการทะเลาะต่อปากต่อคำ แต่ก็ดูแลช่วยเหลือกันอย่างอบอุ่น ได้เห็นการทำงานเป็นทีมของทั้ง 3 คน ก็ช่วยให้เรื่องราวความตายที่แม้จะเศร้า มีความสดใสขึ้นมาบ้าง แต่แน่นอนว่าต้องมีเสียน้ำตาแน่นอน (ส่วนตัวร้องไห้ทุกตอน แต่ไม่สะบักสะบอม เพราะมีจังหวะผ่อนหนักผ่อนเบา ไม่ได้ร้องแล้วจมมาก หลายเคสมีอารมณ์อบอุ่นใจ ไม่ได้เสียน้ำตาแบบเศร้าซึม)
ความขัดแย้งของอาหลานที่เกิดจากชีวิตที่แตกต่าง และความพิเศษของกือรูที่ทำให้การปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมและกฎเกณฑ์ในชีวิตเป็นเรื่องยาก ไม่ถูกดึงให้ยืดเยื้อจนน่ารำคาญ นำเสนอตัวละครออกมาอย่างพอดี แม้จะมีอดีตฝังใจ แต่ก็ไม่ใจร้ายหรือทำร้ายจิตใจกันมากมายนัก อีเจฮุน สื่อสาร ความแข็งกร้าวของคนที่มีหัวจิตหัวใจ แม้จะปากร้าย แต่สีหน้า แววตา แสดงถึงสิ่งที่อยู่ภายในออกมาอย่างชัดเจน เห็นถึงเนื้อแท้ที่เป็นคนจิตใจดี (และกวนๆ (น่ารักมากกกก)) (เรื่องนี้พี่เจฮุนรับบทนักต่อสู้ศิลปะป้องกันตัวแบบผิดกฎหมายด้วย มีแผลคิ้วแตก ปากแตกแทบจะตลอดเวลา และได้เห็นซีนแอคชั่นหลายซีน)
น้องจุนซัง นำเสนอตัวละครกือรูออกมาได้น่ารักน่าเอ็นดู และไม่ขัดตาเลย เล่นได้เหมือนน้องเป็นเด็กพิเศษจริงๆ นำเสนอความไม่ปกติ ออกมาได้อย่างเป็นปกติ เป็นธรรมชาติ บทนามูสาวน้อยบ้านตรงข้าม แม้จะมีความน่ารำคาญกับอินเนอร์ป้าข้างบ้านที่จะต้องรู้ทุกสิ่ง และอยากจะร่วมจัดแจงทุกอย่าง แต่ก็พอเข้าใจได้ ถึงความห่วงใยเพื่อนที่เติบโตด้วยกันมาแต่เด็ก มีความรำคาญ พอให้จิ๊ปาก แต่ก็ยังมีความน่าเอ็นดู และช่วยเพิ่มความสดใสให้เรื่องราว
นอกจาก 3 นักแสดงหลักของเรื่อง ซีรีส์เรื่องนี้ยังมีนักแสดงสมทบ และรับเชิญอย่างคับคั่ง เพราะนอกจากผู้ที่มารับบทผู้เสียชีวิต และคนรอบตัวในแต่ละเคส ยังมีนักแสดงคุ้นหน้ามารับบทตัวละครที่มีบทบาทสำคัญต่อตัวเรื่อง เช่น คุณจีจินฮี ในบทบาทพ่อกือรู ชเวซูยองกับบทบาทของนักสังคมสงเคราะห์ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องราว ในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐที่ดูแลความเป็นอยู่ของคนที่อาศัยอยู่คนเดียว หรือผู้สูงอายุ ที่ไม่มีญาติและครอบครัว อีแจอุค ที่มารับบทอดีตที่ตามหลอกหลอนของซังกู เพิ่มเติมเรื่องราวเบื้องหลัง และปมใจในของตัวละครหลัก ให้เรื่องยิ่งน่าสนใจมากขึ้น
ถ้าใครกำลังมองหาซีรีส์ฟีลกู้ด น่ารัก อบอุ่นหัวใจ ไม่เคร่งเครียดจนเกินไป แต่มีความน่าสนใจ ก็ถือว่าซีรีส์ความยาวเพียง 10 ตอนเรื่องนี้ เป็นคำตอบที่ดี ดูจบแล้วก็อาจจะได้แง่คิด หรือได้กระตุ้นให้คิดเกี่ยวกับชีวิตด้วย