‘ทำไมไม่เปลี่ยน?’ คิมแทรี เปิดใจถึงตอนจบซีรีส์ Twenty Five, Twenty One ที่ไม่แฟนตาซีเหมือนในการ์ตูน

คิมแทรี เล่าถึงความรู้สึกของเธอที่มีต่อเรื่องราวของซีรีส์ Twenty Five, Twenty One และมุมมองของเธอที่มีต่อเส้นทางของเรื่องตั้งแต่ต้นจนถึงตอนจบ
Twenty Five, Twenty One เป็นเรื่องราวที่เล่าย้อนกลับไปในปี 1998 ปีแรกที่ นาฮีโด ได้เจอกับ แพคอีจิน และกลายเป็นเรื่องราวรักครั้งแรกของทั้งคู่ที่มีอายุห่างกัน 4 ปี ที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้เดินทางผ่านยุคสมัยของการเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับการเติบโตของทั้งคู่ที่พาความสัมพันธ์เดินทางมาจนถึงทางแยก และทำให้แฟนๆ ของซีรีส์ต่างลุ้นและเชียร์ให้ทั้งคู่สามารถรักษาความรักที่ทีไว้ให้ได้
แต่สุดท้ายแล้วในตอนจบของเรื่อง คู่ของ นาฮีโด และ แพคอีจิน ก็กลายเป็นเพียงความทรงจำอันงดงามของความรักครั้งแรก และเลือกที่จะไม่เปิดเผยตัวตนพ่อของ คิมมินแช ลูกสาวของ นาฮีโด ซึ่ง คิมแทรี ได้พูดถึงความรู้สึกของเธอต่อตอนจบของเรื่องว่า
🎙GYUBIN ปลื้มเมืองไทยขนาดไหน? ถึงกลับมาถ่าย MV เพลงใหม่ LIKE U 100 ที่กรุงเทพ
▶ คลิกดูสัมภาษณ์พิเศษคิมแทรี “ฉันคิดว่าคงไม่มีอะไรจะพูดถึงตอนจบของเรื่องนะคะ เพราะแต่แรกนักเขียนของเรื่องก็ได้วางทิศทางมาไว้อย่างนั้นอยู่แล้ว ตอนรู้ว่าเรื่องจะจบยังไงฉันก็งอแงเหมือนกันค่ะ แล้วก็บอกว่า ‘ทำไมไม่เปลี่ยน?'”
คิมแทรี ยังได้เล่ามุมมองของเธอที่มีต่อเส้นทางของเรื่งที่นำมาสู่บทสรุปว่า
คิมแทรี “ในช่วงแรกของเรื่องมันดูงดงามเหมือนกับในหนังสือการ์ตูนค่ะ มีโมเมนต์ที่ดูเปล่งประกายเกินกว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตจริง ก่อนที่ช่วงเวลาของปี 2000 จะมาถึง และ นาฮีโด เริ่มเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งมันเหมือนกับการก้าวออกจากโลกของการ์ตูนมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
เวลาได้ยินคำว่า ‘ความเป็นจริง’ มันจะทำให้เรารู้สึกถึงบรรยากาศที่ดูหม่นหมอง เหมือนกับความโรแมนติก ความสุข มันค่อยๆ จางไป เพราะในความเป็นจริงแล้วตอนจบของเรื่องราวมันคงไม่แฟนตาซีเหมือนเรื่องราวในการ์ตูน
ถ้าฉากจบแบบแฟนตาซีคือความทรงจำอันงดงามของรักแรก ตอนจบที่แท้จริงก็คือความรู้สึกของเราที่ต้องแยกจากกัน เหมือนกับแสงสว่างที่วันหนึ่งมันก็ต้องค่อยๆ จางลงไป ซึ่งฉันคิดว่านักเขียนอยากให้เรื่องนี้ถ่ายทอดความเข้าอกเข้าใจว่า การที่เราพยายามจะรักษาแสงสว่างนั้นเอาไว้ให้นานที่สุดมันมีค่าและมีความสำคัญแค่ไหน ซึ่งในส่วนนี้เป็นสิ่งที่ฉันเห็นด้วยกับนักเขียนค่ะ ถึงมันจะเศร้าไปหน่อยแต่ก็โอเคนะคะฉันยอมรับได้ (หัวเราะ)”