รีวิว : Train To Busan หนังซอมบี้ที่ดูแล้วต้องร้องไห้

วันนี้เพิ่งมีเวลาเข้าเมืองไปดู Train To Busan หนังรื่องล่าสุดของ กงยู ที่มี ชเวอูชิก กับ โซฮี แสดงด้วย และนี่คือเหตุผลแรกที่เราอยากดู :3
ที่ต้องหาเวลาเข้าไปดูในเมืองเพราะอยากฟังเสียงซาวด์แทรคภาษาเกาหลี แล้วพอเชคโรงดูใกล้บ้านที่สุดคือ ที่ Terminal 21 เพื่อให้ได้สัมผัสอารมณ์และน้ำเสียงของ โซฮี ชัดๆ (อันนี้ส่วนตัวจริงๆ)
🎙GYUBIN ปลื้มเมืองไทยขนาดไหน? ถึงกลับมาถ่าย MV เพลงใหม่ LIKE U 100 ที่กรุงเทพ
▶ คลิกดูสัมภาษณ์พิเศษวันนี้จะรีวิวแบบเน้นความประทับใจล้วนๆ เพราะเราเข้าโรงไปด้วยความรู้แค่ Train To Busan เป็นหนังหนีซอมบี้ที่ทำเงินถล่มทลายในเกาหลี จนกลายเป็นหนังทำเงินอันดับ 1 ของเกาหลีในปี 2016 ขณะนี้ ถ้าพูดถึงมุมมองแค่เรื่องหนัง ซอมบี้ คือหนังซอมบี้ที่ทำให้คุณตกใจได้ตลอดเวลา และลุ้นระทึกสุดๆกับการเอาตัวรอด แต่จริงๆแล้วมันเป็นแค่คอนเซปที่ฉาบเนื้อหาอันเข้มข้นไว้ .. จากนี้ไปจะพยายามสปอยล์ให้น้อยที่สุด
Train To Busan นำเสนอเรื่องราวของสังคมในปัจจุบัน ที่ไม่มีขาวหรือดำชัดเจน เพราะการทำดีอาจไม่ใช่คำตอบของการมีชีวิตรอด แต่สิ่งที่ทำให้เราอยากเป็นคนที่ดีขึ้นคือการทำเพื่อคนที่เรารัก
เมื่อถึงเวลาคับขันธาตุแท้ของมนุษย์จะแสดงออกมาให้เราเห็นชัดเจนมากที่สุด บางคนตัดสินใจเพื่อช่วยเหลือคนอื่น บางคนตัดสินใจเพื่อให้ตัวเองรอด ในขณะที่บางคนไม่ตัดสินใจอะไรแค่ทำตามๆคนอื่นไปเพื่อให้ตัวเองรอดและกลายเป็นส่วนหนึ่งของเสียงข้างมากที่ตัดสิน และตัดสิทธิเสียงส่วนน้อย Train To Busan นำเสนอความเลื่อมล้ำในประเด็นที่ทันสมัยเกี่ยวกับการเมืองการปกครองทั่วโลกในปัจจุบัน ที่ตั้งคำถามว่าถ้าคนที่เสียงดังที่สุดไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องผลจะเป็นอย่างไร ?
นอกจากนี้ Train To Busan ยังนำเสนอแง่มุมของปัญหาครอบครัวในปัจจุบัน ที่เกิดปัญหาการหย่าร้าง หรือเรื่องของการไม่มีเวลาดูแลลูก ซึ่งมุมมองง่ายที่เกิดขึ้นคือควรใช้เวลากับครอบครัวให้คุ้มค่า อย่ารอจนถึงเวลาที่ต้องจากกัน และประเด็นนี้กลายเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่หลายๆคนในโรงต้องเสียน้ำตากับการจากลาในเรื่อง
ชเวอูชิก และ โซฮี คือตัวแทนของวัยรุ่นที่ถ่ายทอดเรื่องของมิตรภาพ และความรักของหนุ่มสาว ที่กลุ่มเพื่อนรวมตัวกันเมื่อถึงยามคับขัน และวัยรุ่นคือกำลังสำคัญที่จะช่วยให้ผ่านวิกฤตไปได้
และประเด็นสุดท้ายที่อยากพูดถึงคือ คุณค่าของคน ไม่ได้อยู่ที่ฐานะทางสังคม แต่อยู่ที่จิตใจ เพราะในเวลาคับขัน คนจรจัดหนึ่งคน อาจช่วยเหลือคนอื่นได้มากกว่า นักธุรกิจร้อยล้านที่มองผลประโยชน์ของตัวเองเป็นอันดับ 1
(จริงๆมีประเด็นของเรื่องเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ การบริหารกองทุนด้วย แต่มันจะเฉพาะทางไป เราจะข้ามไปนะ)
หลังจากนี้ไป ไม่มีสาระแล้ว
โซฮี ในเรื่องนี้น่ารักมาก >___< ใสกิ๊งทั้งเรื่อง แม้แต่เวลาหนีซอมบี้
ชเวอูชิก ก็เช่นกัน กับฉากร้องไห้ ที่แอบมีเสียงแม่ยกคิกคักเบาๆในโรง
เข้าโรงไปแบบไม่คาดหวังบทของ คิมซูอัน วัย 10 ปี แต่น้องแสดงได้ดีมาก มาก มาก
กงยู ลืมภาพในเรื่อง Coffee Prince ไปได้เลย ความเข้มข้นของบทในเรื่องนี้มันสุดยอดมาก
คู่ของ จองยูมี กับ มาดงซอก เป็นตัวละครที่ดูแล้วรู้สึกรักมากๆ เป็นตัวละครที่ทำให้สีสันในเรื่องนี้ยอดเยี่ยมมาก
คิมอีซอง แสดงได้ดีจนอาจจะทำให้คุณอยากด่าเค้าตลอดทั้งเรื่องจริงๆ
ใครยังไม่ได้ดู Train To Busan อาจจะต้องรีบกันแล้ว เพราะรอบฉายเริ่มจะเหลือเพียงโรงเดียว ที่เราไม่รู้คือแบบพากย์ไทยจะเป็นยังไง ใครดูแบบพากย์ไทยมา เล่าความรู้สึกให้ฟังกันได้นะ