คิมฮยอนจุง เปิดเผยการแต่งงานกับรักแรกของเขา และเหตุผลที่ห่างหายจากการโปรโมตในเกาหลีผ่านรายการของเพื่อนสนิท
นักร้อง-นักแสดงหนุ่ม คิมฮยอนจุง เปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวต่างๆ ผ่านบทสัมภาษณ์ทางคลิปวิดีโอบนช่อง YouTube ของเพื่อนของเขา
เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คิมฮยอนจุง ได้ปรากฏตัวบนช่อง YouTube ของ 이누카세 inookase ที่เขาได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ทั้งการเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานของเขา และการทำกิจกรรมโปรโมต
ความฮาแบบ BABYMONSTER! วัดสกิลวาไรตี้กับ Knowing Brothes ดูได้ที่ Viu ▶ คลิก
คิมฮยอนจุง ได้เปิดเผยว่าเขาได้แต่งงานและจดทะเบียนกับภรรยาที่เป็นรักแรกของเขาแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เขาได้เปิดเผยถึงเรื่องราวของรักแรกของเขาในรายการ Night after Night ทางช่อง SBS เมื่อปี 2011 ว่าทั้ง 2 คนได้เจอกันในช่วงมัธยมต้นที่ร้านอาหารซุนแด แต่พวกเขาทั้งคู่ต้องเลิกรากันไปหลังจากที่ คิมฮยอนจุง เดบิวต์ เนื่องจากตารางงานการทำกิจกรรมของเขา และ คิมฮยอนจุง ยังเคยเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ผ่านมิวสิควิดีโอเพลง ‘The Smile in Wine’ อีกด้วย
https://www.youtube.com/watch?v=b40jp31J6xE
นอกจากนี้ คิมฮยอนจุง ยังได้เล่าถึงการทำกิจกรรมของเขาในปัจจุบัน ที่เน้นไปด้านงานเพลงที่เขาได้ทำวงดนตรีขึ้นมา และยังได้เปิดใจถึงการไม่ทำกิจกรรมโปรโมตในเกาหลี ซึ่งมาจากความรู้สึกลึกๆ ของเขาที่มาจากประเด็นปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ในอดีต และข่าวคราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น
คิมฮยอนจุง “ถึงตอนนี้วงดนตรีจะเป็นที่นิยมมากขึ้นในเกาหลี แต่มันก็ไม่ใช่ว่าวงดนตรีจะได้ไปแสดงในรายการเพลงกันทุกวง หรือผมเองจะไปโปรโมตในรายการวาไรตี้ ทำให้ผู้ชมหัวเราะอะไรแบบนั้น ความคิดเห็นของผู้ชมตอนนี้ก็หลากหลาย ถ้าไปออกรายการแบบต้องฝืนทำตัวตลกมันก็จะมีแต่ทำให้คนดูเขารู้สึกว่าผมปลอมครับ ผมเลยค่อนข้างระมัดระวังเรื่องนี้
เอาจริงๆ ผมก็ไม่มั่นใจด้วยครับเพราะมันดูเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องไปถ่ายทำ 5-6 ชั่วโมง แล้วผมควรจะต้องพูดอะไรออกไปบ้าง ในขณะที่ตอนผมทำกิจกรรมในต่างประเทศ แสดงคอนเสิร์ต ผมได้แอคทีฟตลอดเวลา ตอนนี้ตัวผมเองอินไปกับการทำงานด้านดนตรีตลอด
สิ่งนึงที่ผมกลัวในการไปออกรายการทีวี ก็เพราะว่าพวกเขาจะถามผมถึงความจริงในสิ่งที่มันเกิดขึ้น ซึ่งผมเองก็ผิดในเรื่องที่เกิดขึ้น ผมเองก็รู้สึกไม่ชอบในสิ่งที่ผมทำไปเหมือนกัน และสิ่งที่ผมพูดก็จะถูกมองว่าเป็นเรื่องแก้ตัว ซึ่งผมเองก็ควรจะมีความรับผิดชอบ และไม่ควรจะไปออกรายการทำตัวตลกในทีวีแล้วก็เล่าว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วในตอนนี้ผมมีครอบครัวแล้ว มันก็มีความรับผิดชอบมากมายเพิ่มขึ้นด้วย”