ยอนซางโฮ แฟนบอย ‘ปรสิต’ ที่จับความเป็นตำนานผสมความเป็นเกาหลี ออกมาเป็น Parasyte: The Grey

Parasyte: The Grey เริ่มลงสตรีมให้ได้ชมกันแล้วที่ Netflix กับการนำ ‘ปรสิต’ มังงะในตำนานมาถ่ายทอดในแบบสปินออฟด้วยเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเกาหลี จากผลงานการเขียนบทและกำกับของ ยอนซังโฮ สุดยอดผู้กำกับสายดาร์คของเกาหลีที่เปิดฉากกระแส K-Zombie ใน Train To Busan ไปสู่การสร้างกระแส K-Monster ใน Hellbound ทำให้ Parasyte: The Grey กลายเป็นซีรีส์ที่น่าจับตามองอย่างมากในปีนี้

ยอนซางโฮ ได้เล่าถึงที่มาที่ไปของโปรเจคต์ Parasyte: The Grey ที่จริงๆ แล้วจุดเริ่มต้นมันเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา ที่ตัวเขาเองมีมังงะเรื่อง ‘ปรสิต’ เป็นหนึ่งในความทรงจำ และทำให้เข้าคลั่งไคล้ในระดับ ‘แฟนบอย’ ที่จดจำเรื่องราว และจินตนาการต่อยอดจักรวาลในเรื่องจนกลายเป็นภาพจำที่อยู่ในหัวของเขามาตลอด

ยอนซางโฮ “ผมเองเคยทำงานกำกับอนิเมชันมาก่อน และในหมู่นักศึกษาที่เรียนเกี่ยวกับแอนิเมชันหรือมังงะ การ์ตูนเรื่อง Parasyte นับว่าเป็นเหมือนกับคัมภีร์ไบเบิลของเราเลยครับ รวมถึงตัวผมเองก็ชอบมังงะเรื่อง Parasyte เป็นทุนเดิมอยู่แล้วตั้งแต่สมัยวัยรุ่น เวลาเราชอบผลงานชิ้นไหนมากๆ ก็เหมือนเราโดนดึงดูดเข้าไปในโลกนั้นเลยใช่ไหมล่ะครับ ผมเองก็เหมือนกัน พอได้อ่านมังงะเรื่อง Parasyte ก็เคยได้ลองจินตนาการอยู่คนเดียว ว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นนะ แล้วถ้าเหตุการณ์เดียวกันมาเกิดที่เกาหลีล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น พอได้มาเป็นผู้กำกับก็เลยมีโอกาสได้นำจินตนาการนั้นมาสร้างให้เกิดขึ้นจริง พวกไอเดียต่างๆ ที่เกิดขึ้น ผมก็จดเอาไว้ แล้วได้ส่งไปให้คุณฮิโตชิ อิวาอากิ นักเขียนเจ้าของผลงานมังงะเรื่อง Parasyte คุณนักเขียนก็มองว่ามันน่าสนุก ทางคุณฮิโตชิ อิวาอากิก็บอกว่า ‘ผู้กำกับยอนซังโฮ คุณเป็นแฟนคลับเรื่อง Parasyte อยู่แล้วก็ลองทำอย่างอิสระได้เลยง เลยทำเกิดเป็นผลงานชิ้นนี้ครับจริงๆ”

ด้วยความเป็นแฟนบอยของ ‘ปรสิต’ ทำให้ใน Parasyte: The Grey กลายเป็นการผสมผสานระหว่างจุดเด่นความเป็นตำนานของ ‘ปรสิต’ ที่เขาพยายามสอดแทรกใส่เข้ามาในเรื่องในแบบที่จะทำให้แฟนมังงะต้นฉบับต้องร้องอ๋อ กับการเล่าเรื่องในสไตล์ของ ยอนซังโฮ ที่มีความเป็นเกาหลีสะท้อนออกมาทั้งในเรื่องความเชื่อ สังคม และ วัฒนธรรมแบบที่เขาทำมาตลอดตั้งแต่ Train To Busan มาจนถึงซีรีส์อย่าง The Cursed, Hellbound และล่าสุด The Bequeathed

ยอนซางโฮ “ในการสร้างผลงานที่เป็นแบบฉบับของผมเองมาตลอดมันก็ทำให้สีสันของงานมันมีเอกลักษณ์ มีความคมในประเด็นต่างๆ มากขึ้น แต่ในการสร้างซีรีส์ Parasyte: The Grey มันจะมีด้านหนึ่งที่ผมมองจากมุมของแฟนคลับที่รักในตัวเนื้อเรื่องนี้จริงๆ เพราะในฐานะที่ผมเองชอบมังงะเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้วมีโอกาสได้มาทำเรื่องนี้เป็นผลงานของตัวเอง ในฐานะแฟนตัวยงที่ประสบความสำเร็จกับสิ่งที่ชอบ ที่เกาหลีเราจะมีคำแสลงที่เรียกว่า “ซองด็อก” ครับ หมายถึง คนที่คลั่งไคล้อะไรสักอย่างและประสบความสำเร็จกับสิ่งที่เราคลั่งไคล้ ผมว่าผมทำงานชิ้นนี้ออกมาด้วยความรู้สึกของการเป็น “ซองด็อก” เลยล่ะครับ ดังนั้นผมเลยรู้สึกว่าอยากนำความสามารถทางด้านเทคนิคในการถ่ายทำที่ผมสั่งสมมาทั้งหมด มาทุ่มเทให้กับการถ่ายทำเรื่องนี้เลยครับ”

ยอนซังโฮ ยังได้เล่าถึงรายละเอียดที่เขาหยิบมาจากความเป็นต้นฉบับของ ‘ปรสิต’ เพื่อนำมาถ่ายทอดในซีรีส์เรื่องนี้ ที่เป็นเหมือนกับการ ‘บูชา’ ผลงานที่เขาคลั่งไคล้

ยอนซางโฮ “ในซีรีส์เรื่อง Parasyte: The Grey จะมีข้อแตกต่างกับต้นฉบับตรงที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในประเทศเกาหลี แต่ในการเซ็ตเส้นเรื่องต่างๆ ผมคิดว่าจริงๆ แล้วเรานำมาจากมังงะเรื่อง Parasyte เลยครับ เช่น เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่าง “ไฮดี้”และ “ซูอิน” ก็เป็นตัวละครที่มีความคล้ายกับความสัมพันธ์ของ “ชินอิจิ” และ “มิกิ” ซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างที่ชินอิจิกำลังนอนรักษาแผลอยู่ นำมาขยายให้โฟกัสตรงนี้มากขึ้น และยังมีตัวปรสิตที่มีปีกที่โผล่มาในมังงะแค่ช่วงสั้นๆ อีกด้วย ผมก็นำสิ่งต่างๆ ที่ปรากฏในมังงะมาใช้ร่วมกันครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการคิดว่ามังงะที่เป็นต้นฉบับนั้นต้องการสื่อสารอะไรกับผู้อ่าน แล้วพยายามถ่ายทอดสิ่งนั้นออกมาในซีรีส์ให้ได้เช่นเดียวกัน ในระหว่างที่กำกับเรื่อง  Parasyte: The Grey  ผมก็จะพยายามคิดย้อนกลับไปอยู่เสมอว่าในตอนเด็กอะไรที่ทำให้ผมชอบมังงะเรื่อง Parasyte ได้มากถึงขนาดนั้นครับ”

ยอนซางโฮ ได้ทิ้งท้ายถึงความเป็นแฟนบอยของเขาที่มีต่อ ‘ปรสิต’ และสิ่งที่อยากให้แฟนๆ ของมังงะเรื่องนี้รอจับตาดูใน Parasyte: The Grey

ยอนซางโฮ “แน่นอนว่าการเขียนบทเพื่อเล่าเรื่องราวออกมาก็ไม่ได้ง่าย แต่อยากจะบอกจริงๆ ครับว่า ในฐานะแฟนมังงะเรื่องนี้ ผมเพลิดเพลินกับช่วงเวลาที่ได้ทำงานมากเลยครับ สำหรับฉากสุดท้ายของฉากสุดท้ายของซีรีส์ Parasyte: The Grey ผมคิดว่า แฟน ๆ มังงะ Parasyte จะต้องร้องว้าวกันแน่ๆ ฝากติดตามถึงตอนจบด้วยนะครับ ขอบคุณครับ”