ประเด็นของ อีแฮอิน ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นในรายการ Idol School กำลังถูกพูดถึงอย่างมากทั้งจากสื่อในเกาหลี และกลุ่มแฟน KPOP ทั่วโลกที่ให้ความสนใจจากประเด็นที่ต่อเนื่องมาจากการตรวจสอบความโปร่งใสการโหวตของรายการ PRODUCE X 101 ที่ถูกขยายการตรวจสอบไปยังรายการอื่นๆของ Mnet รวมถึงรายการ Idol School
หนึ่งในเรื่องที่ถูกพูดถึงกันมากคือเรื่องของสัญญาที่ทาง CJ ENM เซ็นกับผู้เข้าแข่งขันที่ไม่ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกทีมเดบิวต์ของรายการ Idol School ซึ่งคุณพ่อของ อีแฮอิน ได้ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องนี้และระบุว่าลูกสาวได้ยกเลิกสัญญาแล้วทำให้กลายเป็นประเด็นที่บานปลายออกไปพร้อมกับการคาดเดาเรื่องราวต่างๆที่อาจผิดเพี้ยนไปจากความจริง
ล่าสุด อีแฮอิน ได้โพสต์เปิดใจของเธอบนอินสตาแกรมส่วนตัวถึงสิ่งที่กิดขึ้นในรายการ Idol School ผ่านมุมมองของเธอ และเรื่องของสัญญาที่เธอได้เซ็นกับทาง CJ ENM เพื่อโอกาสในการเดบิวต์หลังจบการแข่งขันในรายการ Idol School ที่สุดท้ายแล้วจบลงด้วยการยกเลิกสัญญาโดยที่เธอยังไม่ได้เดบิวต์ตามที่ได้รับคำมั่นสัญญาไว้
ความฮาแบบ BABYMONSTER! วัดสกิลวาไรตี้กับ Knowing Brothes ดูได้ที่ Viu ▶ คลิก
สัญญาเดบิวต์
“หลังการออกอากาศตอนสุดท้าย ฉันรู้สึกไม่กล้าที่จะมองหน้าครอบครัวของฉัน หรือไปร่วมงานเลี้ยงปิดกล้องเลยค่ะ ฉันเลยไปพบกับคุณครูในรายการเพื่อปลอบใจตัวเอง ฉันตัวสั่นแล้วก็ร้องไห้เพราะการตกรอบนี้ แล้วฉันก็รู้สึกพูดไม่ออกค่ะตอนที่ทีมงานเดินมาบอกว่าฉันไม่ควรร้องไห้กับเรื่องแค่นี้
หลังจากตกรอบ วันต่อมาฉันก็ได้ขอยกเลิกสัญญาของฉันที่เซ็นไว้ค่ะ และถามถึงความจริงเรื่องของผลโหวตในตอนนั้น ซึ่งคำตอบที่ฉันได้คือการบอกว่า ‘คุณติดคำค้นหาแบบเรียลไทม์นะ คุณคือผู้ชนะตัวจริง’ แล้วพอฉันบอกว่าฉันรู้สึกท้อแท้และไม่อยากอยู่ในทีมแล้วพวกเค้าก็ให้สัญญาว่าจะจะทำให้ฉันอยู่ในทีมที่จะเดบิวต์ แล้วก็ถามว่าฉันอยากไปออกรายการไหน และยังบอกว่าจะให้ฉันได้แสดงละครแล้วก็อีกหลายๆอย่างที่ฉันได้รับการติดต่อมา ซึ่งวันนั้นทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันคงไม่ต้องรอในห้องซ้อมอีกต่อไป และจะได้ทำกิจกรรมเดี่ยวระหว่างรอการเดบิวต์ของทีม
พอฉันได้ไปร่วมซ้อมกับเด็กฝึกหัดคนอื่นๆที่ไม่ได้ฝึกมานานอย่างฉันพวกเธอก็บอกว่าไม่มีใครที่ได้รับสัญญาถึงการเดบิวต์แบบนี้เลยนอกจากฉัน ที่จะได้ทำกิจกรรมก่อนระหว่างที่ทีมยังไม่พร้อม”
กิจกรรมในงาน MAMA
“พวกเค้าบอกว่าการเดบิวต์จะต้องเลื่อนออกไปอีกนิดเพื่อการเตรียมตัวขึ้นโชว์ในงาน MAMA ซึ่งฉันก็ตกลงในเรื่องนี้ แต่หลังจากจบงาน MAMA แล้ว ทุกอย่างมันก็ดูแปลกไปหมดแล้วพวกเค้าก็บอกกับฉันว่าถ้าฉันทำกิจกรรมหลายๆอย่างด้วยตัวเอง ผู้คนอาจจะรู้สึกเบื่อก่อนได้ ฉันเลยทำตามที่พวกเค้าบอกและมีสมาธิกับการซ้อมกับเด็กฝึกหัดคนอื่นๆในฐานะพี่คนโตและลีดเดอร์ของทีม”
PRODUCE 48
“ตอนที่รู้ว่า PRODUCE 48 กำลังจะเกิดขึ้นฉันก็แสดงออกนะคะว่าอยากที่จะไปออกรายการนี้เพราะฉันอยากที่จะทำกิจกรรมอะไรสักอย่าง แต่พวกเค้าก็บอกว่ามันจะดีกว่าถ้าฉันไม่ไปแข่งในรายการนี้ ฉันก็เลยไปซ้อมที่ค่ายด้วยตัวฉันเองเหมือนเดิม โดยมีความหวังแค่เพียงการเดบิวต์ในเดือน ตุลาคม ตามที่พวกเค้าสัญญากับฉันไว้ “
สัญญาศิลปินที่เป็นแค่เด็กฝึกหัด
“เด็กฝึกหัดก็จะมีสัญญาของเด็กฝึกหัด ในขณะที่ศิลปินก็จะเซ็นสัญญาที่มีเงื่อนไขในการทำกิจกรรมของศิลปินที่ระบุว่าแต่ละฝ่ายจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพราะมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง และถ้าฉันรู้ว่าฉันจะต้องมาใช้ชีวิตแบบเด็กฝึกหัดตลอดการเซ็นสัญญาศิลปินของฉัน ฉันคงเลือกที่เซ็นสัญญาเด็กฝึกหัดตั้งแต่แรก
กิจกรรมที่ฉันได้ทำทั้งหมดคือการออกรายการวิทยุครั้งนึง และไปร่วมงานแฟชั่นวีคอีกครั้งนึง ฉันก็เลยไม่มีอะไรจะพูดค่ะถ้าจะมีคนมาอ้างถึงสิ่งที่ค่ายทำให้กับฉัน คนที่มาให้ความสนใจกับฉันตอนที่บอกจะขอยกเลิกสัญญาไม่มีใครที่มาจากระดับสูงของบริษัทมาพบกับฉันเลย เพราะมันเริ่มมีปัญหาเรื่องการเงินจนทำให้ไม่สามารถทำตามสัญญาที่ไให้ไว้เรื่องการเดบิวต์ในเดือนตุลาคมปีที่แล้วได้”
การยกเลิกสัญญา
“ตอนที่เราคุยกันฉันไม่ได้แค่พูดเรื่องขอยกเลิกสัญญาอย่างเดียวค่ะ แต่ยังข้อคำแนะนำว่าฉันควรจะทำอย่างไร ซึ่งรายละเอียดที่ได้มันก็ไม่ได้เป็นอะไรที่ทำให้มั่นใจได้ เพราะโปรเจคเดบิวต์ที่คุยกันตอนเซ็นซัญญามันจบไปแล้ว และฉันก็แค่อยากรู้ว่าแพลนใหม่เป็นอย่างไร ซึ่งพวกเค้าก็บอกว่ายังไม่มีอะไรที่บอกกับฉันได้ และยังบอกว่ามันยากเกินไปที่ฉันจะทำอะไรด้วยตัวคนเดียวอย่างเรื่องการแสดง สุดท้ายฉันก็เลยขอยกเลิกสัญญาด้วยเหตุผลที่ทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถดำเนินการตามสัญญาที่ระบุไว้ได้ซึ่งเราได้ตกลงยุติสัญญาวันที่ 30 เมษายน โดยฉันเพิ่งจะมาได้รับเอกสารรับรองการยกเลิกสัญญาเมื่อช่วงหน้าร้อนนี้หลังจากที่ฉันติดต่อทวงถามมาตลอด ซึ่งในเอกสารที่ได้รับมีโพสต์อิทแปะมาว่า ‘คุณทุ่มเทอย่างหนักมาตลอด เราจะคอยสนับสนุนคุณต่อไป’
พอมาคิดดูแล้วชีวิตของฉันตลอดช่วงปีที่ผ่านไปเหมือนจบลงด้วยกระดาษโพสต์อิท 1 แผ่น ฉันเองก็ซ่อนความรู้สึกว่างเปล่านี้ไว้ไม่ได้ค่ะ และฉันก็ไม่อยากที่จะเล่าเรื่องนี้ออกมาเพราะมันจะทำให้ฉันเหมือนยอมแพ้ แต่ถ้าไม่พูดออกมาก็จะกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิดที่จะทำให้ฉันรู็สึกเสียใจในภายหลัง ฉันเลยตัดสินใจที่จะแบ่งปันเรื่องนี้ และต้องขอโทษทุกคนที่ต้องรับทราบเรื่องอันโชคร้ายของฉันที่เกิดขึ้น”
อีแฮอินได้ทิ้งท้ายถึงการออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ว่า
“จากกรณีของฉันที่เซ็นสัญญาแล้วและไม่สามารถเดบิวต์ได้ ก็ยังมีคนอื่นๆที่เซ็นสัญญาและยังไม่ได้เดบิวต์เช่นกัน และมีคนอื่นๆที่ไม่ได้เซ็นสัญญาแต่ก็ได้เดบิวต์แล้ว ซึ่งฉันอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่หลักฐานที่จะไปชี้ถูกผิดเรื่องของความไม่โปร่งใสใดใดได้ และไม่ใช่ข้อมูลที่จะเอาไปคาดเดาต่อถึงสิ่งต่างๆ
คนแบบฉันไม่มีทางรู้หรอกค่ะว่าจะมีใครที่ถูกเลือกไว้ว่าจะได้อยู่ในทีมเดบิวต์จริงไหม ฉันรู้เพียงแค่เราไม่ใช่ 41 คนที่ถูกเลือกจากคน 3000 คนในการแข่งขันนี้ และฉันหวังว่าจะไม่เกิดความเข้าใจผิดขึ้นอีก”
คลิกเพื่ออ่าน: อีแฮอิน เปิดเผยสิ่งที่เกิดขึ้นใน Idol School ตั้งแต่ออดิชัน-รอบสุดท้าย